“มาร์ค” โวยบันได 5 ขั้น สกัดปชป. มีตั้งแต่ “แม้ว”บอก ปชต.เป็นแค่เครื่องมือ ไม่ใช่อุดมการณ์ เชื่อประชาธิปัตย์เป็นอุปสรรคที่เหลืออยู่ ยันไม่หวั่นไหว ไม่ถอย จะสู้ด้วยความจริง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel ถึงข่าวแผนบันได 5 ขั้นในการล้มผู้นำฝ่ายค้านฯ ว่า ตนเห็นมาตั้งแต่ต้นแล้วในเรื่องความพยายามที่จะกำจัดตนในทางใดทางหนึ่ง สะท้อนมาจากคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาตั้งแต่ต้น ว่าประชาธิปไตยเป็นเพียงแค่เครื่องมือ ไม่ใช่เรื่องอุดมการณ์ และในอุดมคติอยากเห็นประเทศไทยเหลือพรรคเดียว ฝ่ายค้านมีคน 2 คนก็พอ
เพราะฉะนั้นอย่าได้แปลกใจ กับสิ่งที่เขาพยายามทำกับพรรคประชาธิปัตย์และคนของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่เหตุการณ์ความวุ่นวายปี 52 - 53 และความพยายามที่จะให้ตนขาดคุณสมบัติ ส.ส. เรื่องการถอดยศ โดยใช้เงื่อนไขการปลดออกจากราชการโดยใช้คำสั่งที่ผิดกฎหมาย ตนยืนยันอย่างเดียวว่า สู้ไปตามข้อเท็จจริง ตามกฎหมาย เพราะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพยายามจะทำ ตนยังคิดอยู่เหมือนกันว่า เล่นการเมืองมา 20 ปี เขาไม่รู้จะเอาอะไรมาเล่นงาน จนต้องย้อนกลับไปไกลกว่านั้นในสิ่งซึ่งตนไม่ได้ทำด้วย ก็เป็นเรื่องแปลกดี
“ผมคิดว่าการอยู่ในการเมืองของผมเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งสำหรับคนที่ทำความผิดแล้วต้องการล้างความผิดตนเอง เพราะว่าเขาก็มีความรู้สึกว่าอุปสรรคที่เหลืออยู่ในการจะล้างความผิดนั้นอยู่ที่ฝ่ายค้าน อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะผม ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค แล้วก็ทางคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งเป็นอดีตเลขาธิการพรรค ประกาศชัดเจนว่าจะถูกเขาพยายามกดดัน ข่มขู่ เอาเรื่องคดีความ เอาอะไรมา เขาไม่ยอมสักทีก็ต้องพยายามกำจัดนะครับ แต่ไม่ต้องกังวล ยัน พวกผมไม่มีใครหวั่นไหว ไม่มีใครถอยแน่นอน เดินหน้าทำหน้าที่ต่อไป เพราะสิ่งที่ทำเชื่อมั่นว่าเป็นประโยชน์กับส่วนรวม ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์อย่างเดียวที่รัฐบาลจะจัดการ เพราะจะสอดคล้องกับแนวคิดเขาในเรื่องที่นอกเหนือจากเวทีการเมือง คือกลไกของราชการ ศาล และองค์กรอิสระ ต้องไม่ให้มีอะไรมาเป็นอุปสรรคเลย เพราะฉะนั้นแนวความคิดที่จะต้องรื้อโครงสร้างเหล่านี้เพื่อให้ทุกอย่างไปตกอยู่ภายในอำนาจของเขายังเป็นแนวทางที่เขาเดินอยู่ตลอดเวลา ตนถึงบอกว่าเป็นเรื่องแปลกดีว่าพรรคการเมือง ซึ่งมักจะอวดอ้าง แอบอ้างถึงประชาธิปไตย แต่ว่าแนวคิดลึกๆ แล้วก็มีเกมการเมืองที่เดินสวนทางกับประชาธิปไตยอยู่ตลอด รวมถึงเรื่องงบประมาณ และตัวบุคคลกก็พยายามรวมศูนย์อำนาจเช่นเดียวกัน และเหมือนกับที่กำลังเอากลไกที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมไว้ใช้เล่นงานฝ่ายตรงข้าม หรือว่าฟอกตัวเอง นี่คือยุทธศาสตร์กินรวบประเทศไทย
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ หรือยิ่งดี้นยิ่งต่อสู้ จะทำให้หลุดพ้นจากการครอบงำตรงนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าววง่า ไม่มีอะไรจะต้องดิ้น ตนยืนอยู่เฉยๆ ก็สู้ได้ เพราะว่าเราอยู่กับความจริงเมื่อถามว่า แนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เห็นประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือ เป็นเหมือนรถ หากจะวิ่งไปในบางที่ ก็จำเป็นต้องใช้รถอีกแบบหนึ่ง แม้กระทั่งมวลชนคนเสื้อแดง ก็ถูกมองว่าเป็นเหมือนพาหนะอย่างหนึ่ง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รู้สึกว่าเขาคิดว่าทุกอย่างเป็นพาหนะ เขาจะได้ขี่ เขามองแค่นั้น นี่คือสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นความจริงที่ทุกคนควรจะต้องรู้ คำถามคือ เมื่อไหร่รัฐบาลซึ่งเวลานี้มีตัวตนที่จะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายด้วยตนเองจะได้ก้าวพ้นจากแนวคิดแบบนี้ ก้าวพ้นจาก พ.ต.ท.ทักษิณเสียที ฝ่ายอื่นๆ ในสังคมเขาอยากจะก้าวพ้นอยู่แล้ว แต่รัฐบาลไม่ยอมก้าวพ้น ไม่เดินไปข้างหน้า เหมือนกับที่เราเห็นอยู่ขณะนี้ กระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ทำงานอะไร นอกจากเวลาที่มีคำสั่งจากนายใหญ่ หรือมีผลประโยชน์ของนายใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง