โฆษกปชป. แถลงต้องข้อสังเกต 3 พิรุธ คำสั่งถอดยศ "อภิสิทธิ์" เชื่อสร้างเรื่องหวังดิสเครดิตญัตติซักฟอกรัฐบาล ปชป.โหมโรงศึกอภิปราย โวมีข้อมูลชัดแจ้งพอเชือดรัฐมนตรีได้ ปลุกใจยกกรณี “มาร์ค” โดนแกล้งฮึดสู้
วันที่ 10 พ.ย.55 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงกรณีที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงนามเห็นชอบในมติของคณะคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการถอดยศและเรียกเบี้ยหวัดคืนจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นเพียงความต้องการของฝ่ายการเมืองในการกลั่นแกล้งเพื่อกำจัดนายอภิสิทธิ์ ออกจากการเมือง และทำให้ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นโมฆะ
ทั้งนี้ในเอกสารดังกล่าวพบพิรุธที่น่าสงสัย 3 ประการ คือ
1.ตามกฎหมายการตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องต่างๆ จะต้องมีการแจ้งให้ผู้ที่ถูกสอบสวนรับทราบก่อน แต่ในกรณีนี้นายอภิสิทธิ์ ไม่เคยรับทราบ และไม่มีโอกาสชี้แจง และนั่นเป็นเพราะคณะกรรมการเร่งสรุปผลเพื่อให้เสร็จทันการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
2.หนังสือคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ ออกจากการเป็นทหารของกระทรวงกลาโหม มีความเร่งรีบจนทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการจัดพิมพ์ ถึง 3 ส่วน คือ 1.พิมพ์คำว่า "หลงผิด" เป็น "ผิดหลง" 2.ตำแหน่งรมว.กลาโหม ก็พิมพ์เป็น ไรัฐมนตรีว่าการทรวงกลาโหม" และ
3.มีความจงใจเขียนความผิดของนายอภิสิทธิ์ล้อตามรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่านายอภิสิทธิ์มีการกระทำที่ไม่สุจริตเพื่อประโยชน์แห่งตน เป็นการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ ซึ่งสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 (6) ที่เขียนถึงคุณสมบัติต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
“การพิมพ์ตกหล่นเช่นนี้แสดงว่ามีความเร่งรีบเกินเหตุ ไม่มีการตรวจสอบเอกสารการทำงาน และจะเชื่อได้อย่างไรว่า ผลการตรวจสอบทำด้วยความถูกต้อง คำสั่งปลิดชีวิตทางการเมืองของคนๆ หนึ่งจะใช้ความเร่งรีบไม่รอบคอบได้อย่างไร จึงสงสัยว่า มีคนบงการอยู่เบื้องหลังหรือไม่ แต่เช่นนั้นจากเอกสารคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ ออกจากทหาร มีนัยยะที่รับรองว่า นายอภิสิทธิ์ รับราชการทหารอย่างถูกต้อง เพราะมีการอ้างถึงเหตุการณ์ที่นายอภิสิทธิ์ ติดยศหลังจากรับราชการมา 1ปี ส่วนเอกสารเท็จที่มีการอ้างถึงก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดของนายอภิสิทธิ์ เพราะการออกเอกสาร เป็นหน้าที่ของสัสดี และนายอภิสิทธิ์ ก็ไม่สามารถทราบได้ว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารเท็จหรือไม่ จึงไม่สามารถชี้ได้ว่านายอภิสิทธิ์ มีความผิด” นายชวนนท์ กล่าว
ยันชื่อ “อภิสิทธิ์”แคนดิเดตนายกฯ แนบท้ายญัตติไม่เปลี่ยนแปลง
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า 3.เรื่องนี้มีการเตรียมกันล่วงหน้า โดยสังเกตได้จากการที่ทีมโฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาพูดเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ถึงความสง่างามของนายอภิสิทธิ์ ในการที่จะยื่นชื่อแนบท้ายญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการใช้เอกสารเท็จในการเกณฑ์ทหาร แต่พรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันว่า จะเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ แนบท้าย ไม่มีเปลี่ยนแปลง จนกว่าจะครบวาระ และจะใช้สิทธิอย่างเต็มที่ในการปกป้องสิทธิของตัวเอง ตอนนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คงตัวสั่นไปหมด เพราะกลัวการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงต้องใช้วิชามาร ทุกวิถีทางในการสกัดไม่ให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นี่ถือเป็นการใช้อำนาจรัฐ ลุแก่อำนาจ ไล่กลั่นแกล้งทางการเมือง ถือเป็นยุคโจรครองเมือง ซึ่งพรรคมั่นใจว่า แผนการล้มญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะหากมีคนไปร้องเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายอภิสิทธิ์ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ พรรคประชาธิปัตย์ ก็จะร้องต่อศาลปกครองเช่นกัน และในประเด็นของศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องรอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน ซึ่งคงจะเกินเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว และตามกฎหมายระบุชัดว่า หากศาลวินิจฉัยให้บุคคลใดหมดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็จะไม่มีผลย้อนหลัง ทำให้การกระทำก่อนหน้านี้ของบุคคลนั้นเป็นโมฆะป้องไม่เกี่ยวปมจริยธรรม ย้อนเกล็ดอ้างความเห็นกฤษฎีกาปลดยศ “ทักษิณ”
ส่วนกรณีที่มีการเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ แสดงสปิริตทางการเมือง ด้วยการลาออก เพราะขัดต่อจริยธรรมนั้น นายชวนนท์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้กระทำผิดทั้งจริยธรรม และข้อกฎหมาย คนที่ทำผิดด้านจริยธรรมเองคือ พล.อ.อ.สุกำพล ที่ใช้อำนาจในการกลั่นแกล้งผู้อื่น ดังนั้นคนต่อไปที่จะถูกถอดยศ คือ พล.อ.อ.สุกำพล เองที่ต้องรับผิดในบั้นปลายชีวิต นอกจากนี้การนำกรณีนี้มาเทียบเคียงกับคดีที่ดินรัชดา ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ไม่ทราบว่า ใช้อะไรคิด เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ในสมัยเป็นนายกรัฐมนตรี ทราบดีว่าตัวเองกระทำผิดอาญา แต่นายอภิสิทธิ์ไม่ได้ทำผิดในขณะดำรงตำแหน่งทางการเมือง และรู้ไม่เท่าถึงการ ในการใช้เอกสาร ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรดำเนินการคือ ทำตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาในการปลดยศ พ.ต.ท. ของนายทักษิณ และคนที่ต้องโดนถอดยศต่อไปคือ พล.อ.อ.สุกำพลเอง