ประพันธ์ ชูฎีกาค่าโง่ทางด่วนฯ -ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์

ชี้คำสั่งศาลฎีกายกคำร้องบริษัทเอกชน ถือเป็นบรรทัดฐาน ตีแสกหน้าผู้บริหารที่มีประโยชน์ทับซ้อน ด้าน ปธ.กกต.แบ่งรับแบ่งสู้ข้อเสนอพรรคการเมือง ยกเลิกคำสั่ง คปค.เตรียมส่งหนังสือขอความเห็นผ่อนปรนถึง คมช.- รัฐบาลสัปดาห์นี้

ในฐานะอดีตรองอัยการสูงสุด และเคยทำหน้าที่ประธานคณะทำงานต่อสู้คดีค่าโง่ทางด่วน กล่าวภายหลังทราบว่า ศาลฎีกาได้ตัดสินยกฟ้องพร้อมทั้งแสดงความยินดีและขอคารวะ เพราะหากยืนตามคำพิพากษาชั้นต้น การทางพิเศษจะต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับฝ่ายเอกชนรวมภาษีแล้วไม่น้อยกว่า 7,000 ล้านบาท

จะเป็นบรรทัดฐานในการเอาผิดกับผู้บริหารที่ไปทำสัญญากับภาคเอกชน โดยมีผลประโยชน์ทับซ้อนแล้วทำให้รัฐเสียหาย แต่ผลประโยชน์รัฐ และส่วนร่วมยังคงได้รับการคุ้มครองจากกระบวนการยุติธรรม จึงถือว่าคำพิพากษาฉบับนี้ ถือเป็นฉบับประวัติศาสตร์ที่จะบอกว่าใครที่เข้าร้องขอความเป็นธรรม จากกระบวนการศาลยุติธรรมก็ต้องเป็นคนมือสะอาดด้วย

ระหว่างหน่วยงานรัฐและภาคเอกชนนั้น หากเกิดกรณีพิพาทขึ้น และเข้าสู่กลไกของอนุญาโตตุลาการนั้น ในช่วงที่ผ่านมานั้นแทบจะพูดได้ว่าหน่วยงานของรัฐไม่เคยชนะในชั้นอนุญาโตฯเลย เกิดเรื่องค่าโง่ขึ้นมากมาย เพราะเมื่ออนุญาตฯชี้ให้ฝ่ายรัฐต้องชดเชยแล้วก็จะยุ่งยากในการต่อสู้มาก ผมขอชื่นชมและขอบคุณศาลฎีกาและให้กำลังใจอัยการที่ร่วมใจกันทำงานอย่างหนัก จนประสบความสำเร็จ

กล่าวถึงข้อเสนอของพรรคการเมืองที่ต้องการให้ กกต.ยื่นเรื่องต่อ คมช.เพื่อยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 ที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ว่า การไม่ยกเลิกประกาศทั้ง 2 ฉบับของประธาน คมช.น่าจะเกิดขึ้นก่อนที่จะรับทราบข้อตกลงของพรรคการเมือง ซึ่ง กกต.ก็ต้องนำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมกกต.และจะยื่นหนังสือเรื่องข้อเสนอของพรรคการเมืองต่อ คมช.และ ครม.ได้ในสัปดาห์นี้

ส่วนตัวผมแม้จะไม่มีการยกเลิกประกาศ คปค.ทั้งสองฉบับ แต่ก็ควรจะมีการผ่อนคลายให้พรรคการเมืองสามารถจะดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้บ้าง โดยอาจจะออกเป็นมติ ครม.ก็ได้

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์