หนังสือ"หยุดระบอบทักษิณ"ไม่ผิด!ตร.สั่งคืนแล้ว
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 20 มีนาคม 2549 21:05 น.
คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองสำหรับเจ้าพนักงานการพิมพ์ กรุงเทพมหานคร มีมติ "หนังสือหยุดระบอบทักษิณ" ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน พร้อมสั่งนครบาล คืนเจ้าของ ขณะที่ นครบาลมาแปลก ส่งคืนแต่ห้ามจำหน่าย จ่ายแจก ขู่หากแจกโรงพิมพ์ผิดโทษปรับ ฐานไม่มีชื่อ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ปรับ กระทงละ 50 บาท
วันนี้(20 มี.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการพิจารณาหนังสือ"หยุดระบอบทักษิณ ช่วยกันกู้ชาติ กู้ประชาธิปไตยของเราคืนมา" เขียนโดย นายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กรุงเทพฯจำนวนกว่า 20,000 เล่ม ที่ตำรวจ สน.ดุสิต ได้ตรวจยึดหนังสือดังกล่าวหลังจากสงสัยว่าจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 ก่อนจะส่งให้ คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองสำหรับเจ้าพนักงานการพิมพ์ กรุงเทพฯ ซึ่งประกอบด้วยผู้บังคับการกองอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ผู้บังคับการกองคดี ผู้บังคับการกองวิชาการ(กองนิติการ )หรือรองผู้บังคับการซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ พิจารณาว่าสิ่งพิมพ์ดังกล่าว มีการขออนุญาตจัดพิมพ์อย่างถูกต้อง และมีชื่อผู้พิมพ์ผู้โฆษณา รวมทั้ง มีเนื้อหาขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือไม่นั้น
ล่าสุดเวลา 20.30 น.มีรายงานว่า คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองสำหรับเจ้าพนักงานการพิมพ์ กรุงเทพมหานคร ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเนื้อหาของหนังสือดังกล่าว ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงมีมติให้คืนหนังสือที่ยึดไว้ทั้ง 20,000 เล่ม ไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อส่งคืนให้เจ้าของหนังสือต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลฝ่ายสอบสวน(รอง ผบช.น.)กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองสำหรับเจ้าพนักงานการพิมพ์ กรุงเทพมหานคร มีมติให้คืนหนังสือ มายังกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็จะทำหน้าที่ส่งมอบหนังสือให้กับบริษัทโรงพิมพ์เดือนตุลา จำกัด ซึ่งเป็นโรงพิมพ์ที่จัดพิมพ์หนังสือดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ชัชวาล์ กล่าวอีกว่า ถึงแม้ตำรวจจะส่งคืนหนังสือดังกล่าวไปแล้ว แต่ก็ห้ามมิให้มีการจำหน่าย จ่ายแจก เนื่องจากไม่มีชื่อผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 13 พ.ร.บ.ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ที่ระบุว่า ในการจัดพิมพ์หนังสือ ต้องมีชื่อผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ซึ่งหากมีการ จำหน่ายจ่ายแจก เจ้าของโรงพิมพ์จะมีความผิดโทษปรับ กระทงละ 50 บาท ตามจำนวนครั้งที่ จ่ายแจกไป
สำหรับมติที่ออกมาล่าสุด ได้เกิดขึ้นหลังจากที่ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ยื้อเวลาไปว่า อาจจะใช้เวลา 7 วัน ในการพิจารณา และต่อมา นายแก้วสรร ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า การยื้อเวลาไปอีก 7 วัน แต่คงไม่ทันกาลแล้ว เพราะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะยื่นต่อศาลปกครองให้ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ใช้อำนาจไม่ชอบ เนื่องจากตนเป็นเพียงผู้เขียน แต่พันธมิตรฯ เป็นเจ้าของ เพราะได้ขออนุญาตตนไปพิมพ์เผยแพร่ อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าเนื้อหาไม่ได้มีอะไรที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองตามที่มีการกล่าวอ้างเลย และไม่ได้ยุยงให้ใครหลงเชื่อในประเด็นใด
นายแก้วสรร กล่าวว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้ ถือว่าไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะเจ้าพนักงานการพิมพ์จะต้องแจ้งข้อหาและให้ศาลมีคำสั่งก่อน โดยต้องระบุเนื้อหาให้ชัดเจนว่าส่วนใดที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แต่จู่ ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็อาศัยอำนาจในฐานะเจ้าพนักงานการพิมพ์ยึดไป ซึ่งพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าข่ายถูกดำเนินคดีได้ตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ในฐานะเจ้าพนักงานที่ใช้อำนาจโดยไม่ชอบ
เมื่อถามว่าเรื่องนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังในการสั่งการของเจ้าหน้าที่หรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า อาจเป็นไปได้ แต่ซุ่มซ่ามไปหน่อยเลยถอยไม่ทัน เขาอาจจะมีแผนอะไรบางอย่าง แต่คงไม่เป็นไปตามแผน
นายทองใบ ทองเปาด์ ส.ว.มหาสารคาม และอดีตทนายความรางวัลแมกไซไซ กล่าวว่า การยึดหนังสือไปตรวจโดยไม่มีการแจ้งข้อหา ถือว่าผิดฐานละเมิดสิทธิของบุคคลในการแสดงความเห็นโดยสุจริต เพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ความเห็นที่แสดงออกของผู้เขียนเป็นไปโดยเปิดเผยและมีรายชื่อผู้จัดทำและผู้รับผิดชอบอยู่ปกหลังสุด ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้
ดังนั้น ถ้าตำรวจจะยึดต้องแจ้งข้อกล่าวหาและเรียกผู้รับผิดชอบมาสอบถามก่อน การมาอ้างเฉย ๆ ว่าต้องตรวจเนื้อหาทั้งหมดว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือไม่ โดยไม่แจ้งข้อกล่าวหานั้นทำไม่ได้ พฤติการณ์เช่นนี้เหมือนเป็นการเซ็นเซอร์และเป็นการช่วงชิงทรัพย์สิน มีความผิดกฎหมายอาญาฐานช่วงชิงทรัพย์ ผู้เสียหายสามารถดำเนินคดีเอาผิดได้