อ.มหิดลยื่นหนังสือถึงกลุ่มพันธมิตรฯ-แฉรัฐบาลวางแผนฮุบซื้อการไฟฟ้าในราคาถูก

อ.มหิดลยื่นหนังสือถึงกลุ่มพันธมิตรฯ-แฉรัฐบาลวางแผนฮุบซื้อการไฟฟ้าในราคาถูก

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 มีนาคม 2549 20:35 น.

รศ.สุชาติ นวกวงษ์ ยื่นหนังสือถึงแกนนำพันธมิตรฯ ย้ำ การแปรรูปการไฟฟ้าผิดเจตนารมณ์ของกิจการสาธารณูปโภค แฉ รัฐบาลวางแผนซื้อในราคาถูกแล้วปั่นหุ้นในภายหลัง แนะ ประชาชนเก็บค่าน้ำจากการไฟฟ้าบ้างเพราะทุกคนมีสิทธิ์ใช้นำได้อย่างเท่าเทียมกัน พร้อมระบุ ออกมาเคลื่อนไหวในนามส่วนตัว

วันนี้ ( 20 มี.ค.) รศ.สุชาติ นวกวงษ์ อาจารย์ประจำคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือให้กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสวนมิสกวัน หน้าทำเนียบรัฐบาล ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ การแปรรูปการฟ้า โดยหนังสือดังกล่าวระบุ การไฟฟ้าเป็นกิจการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ที่รัฐพึงบริการให้ประชาชน และไม่มุ่งหวังกำไรสูงสุด แต่เมื่อรัฐบาลมีนโยบายแปรรูป ให้การไฟฟ้าเป็นบริษัทจำกัด และนำไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะทำให้ปรัชญา การรับใช้ประชาชนของการไฟฟ้าเปลี่ยนไป นั่นคือ ต้องแสวงหากำไรสูงสุด และเปลี่ยนรูปจากที่รัฐเป็นเจ้าของ เป็นการถือหุ้นโดยบุคคล

อันที่จริง ทรัพย์สินของการไฟฟ้ามีราคาสูงมาก แต่จากการที่รัฐบาลต้องการแปรรูปเป็นบริษัทมหาชน จึงพยายามทำทุกทาง ที่จะทำให้ทรัพย์สินของการไฟฟ้า มีราคาต่ำๆ ไว้ โดยการตีราคาทรัพย์สินต่ำๆ เพื่อบุคคลที่เป็นนอมินี่ จะได้ซื้อในราคาต่ำๆ และในอนาคตก็จะมีการปั่นหุ้นการไฟฟ้าทุกทาง เพื่อให้ราคาสูงขึ้น เป็นการแสวงหากำไรต่อไป ความจริงแล้วทรัพย์สินของการไฟฟ้า เฉพาะราคาของเขื่อนทั่วประเทศ มีมูลค่าไม่น้อย 2 แสนล้านบาทและเมื่อบวกกับทรัพย์สินอย่างอื่น เช่น โรงไฟฟ้าชนิดต่างๆ มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท เมื่อบวกกับทรัพย์สินของการไฟฟ้าอย่างอื่น เช่น สายส่งไฟฟ้า ที่ดินหัวงานเขื่อน และอื่นๆ การไฟฟ้าจะมีราคาไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท

รศ.สุชาติ กล่าวอีกว่า ความจริงทรัพยากรน้ำ เป็นสินค้าสาธารณะ ประชาชนควรมีสิทธิ์ใช้ได้เท่าเทียมกัน ทุกวันนี้ การไฟฟ้าใช้น้ำจากเขื่อนต่างๆ ผลิตไฟฟ้าขายให้ประชาชน ในราคาเท่ากับ ผลิตไฟฟ้าจากขบวนการอื่นๆ ประชาชนยังไม่เคยคิดราคาค่าน้ำ ที่การไฟฟ้าใช้ผลิตไฟฟ้า ในอนาคตหากการไฟฟ้า ขายไฟฟ้าจากน้ำให้ประชาชน ในราคาแพง ประชาชนควรคิดค่าน้ำคืนจากการไฟฟ้าบ้าง

หลักการทั่วไป ดูเหมือนจะดีหากกิจการนั้นเริ่มต้นที่บริษัทเอกชนล้วนๆ เพราะสะดวกในระดมเงินทุน เพื่อพัฒนากิจการ แต่เผอิญนี่เป็นกิจการของสาธารณูปโภค ที่ระบุชัดว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ในการดำเนินการ โดยความหมายก็คือ กิจการทีไม่ได้มุ่งหวังกำไรสูงสุด แต่การแปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ปรัชญากับการรับใช้ประชาชนเปลี่ยนไป นั่นคือ การหวังกำไรสูงสุด ซึ่งผิดเจตนารมณ์ของกิจการสาธารณูปโภค

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้มีการขยายกิจการออกไป ไม่ได้ผลิตไฟฟ้าพลังน้ำเพียงอย่างเดียว แต่ผลิตไฟฟ้าจากน้ำมัน ถ่านหินลิกไนต์ และก๊าซธรรมชาติ ตามสถานที่ต่างที่เอื้ออำนวย การไฟฟ้าจึงมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอีกมาก จึงต้องจำแนกทรัพย์สินของการไฟฟ้าผลิต ให้ชัดเจทุกประเภท ประกอบด้วย แหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำจากเขื่อนต่างๆ ที่ มีอยู่ในประเทศไทย แหล่งผลิตไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากน้ำมัน แหล่งผลิตไฟฟ้าโดยก๊าซธรรมชาติ เช่น โรงไฟฟ้าราชบุรี โรงไฟฟ้าบางปะกง และโรงไฟฟ้าวังน้อย แหล่งผลิตไฟฟ้าโดยใช้ถ่ายหินลิกไนต์ เช่น โรงไฟฟ้าพลังลิกไนต์ลำปาง และ สายส่งไฟฟ้า ซึ่งเป็นกิจการหลัก ในการส่งกระแสไฟฟ้า ที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้าไปไปสู้ผู้จำหน่าย และสู่ผู้ใช้อีกทอดหนึ่ง

รศ.สุชาติ กล่าวอีกว่า การออกมาให้ข้อมูลในครั้งนี้ ข้อมูลต่างๆ ได้เคยมีการนำไปตีพิมพ์แล้วในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง แต่เห็นว่า ข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และผู้ที่สนใจจึงได้นำออกมาแจกจ่ายอีกครั้ง เพื่อให้พันธมิตรฯ ได้นำไปชี้แจงต่อประชาชน โดยการออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นไปในนามส่วนตัว ซึ่งได้รับการสนับสนุน จากคณาจารย์และลูกศิษย์ลูกหา โดยไม่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์