เว็บไซต์ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานจากการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชิณวัตร อดีตนายกฯไทย ระหว่างเดินทางเข้าสิงคโปร์
เพื่อเข้าชมการแข่งขันรถฟอร์มูล่าวัน โดยกล่าวเกี่ยวกับปัญหาทางการเมืองไทยว่า รัฐบาลภายใต้การบริหารของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และน้องสาวแท้ๆ ของตนเองว่า พรรคเพื่อไทย อาจจะลดลงปรับเปลี่ยน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ออกมาอย่างสมบูรณ์ ซึ่งในส่วนของการแก้ไขจะให้ความสำคัญและหลีกเลี่ยงความท้าทาย การเผชิญหน้า และปัญหาทางการเมือง โดย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวในส่วนของการนิรโทษกรรมว่า เรื่องนี้ควรจะต้องใช้ในเวลาที่เหมาะสมน่าจะดีที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาควมขัดแย้ง โดยกล่าวอีกว่า ถ้ายังไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เรามีตอนนี้ ก็คงเป็นเรื่องลำบาก ดังนั้น ต้องระมัดระวังมากของสิ่งที่คุณกำลังทำ
ทั้งนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนเองไม่รีบร้อนที่จะกลับประเทศไทย
ตอนนี้ เริ่มคุ้นเคยกับชีวิตที่ต้องนั่งบนเครื่องบิน โดยเฉลี่ยทุก 3 วัน และไปในหลายเมือง เช่น กรุงลอนดอน , ดูไบ หรือ ฮ่องกง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวทิ้งท้าย ชมน้องสาว อีกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำงานและบริหารงานทางการเมืองได้ดีกว่าตนเองเสียอีก
ส่วน เรื่องเศรษฐกิจในประเทศไทย โครงการณ์รับซื้อข้าวจากเกษตรกรของรัฐบาลไทยนั้น ควรดำเนินต่อไปอีกหลายปี
โดยกล่าวอีกว่า นโยบายนี้ รัฐบาลไทยรับซื้อข้าวจากชาวนาในราคาสูงกว่าอัตราในตลาด จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากกว่าต้นทุนของโครงการนี้ ราว 3 เท่า ถ้าเราจัดการกับกระบวนการนี้ใน 2-3 ปี ทุกอย่างก็จะเดินไปตามวิถีของมัน และราคาข้าวในในตลาดโลก กำลังสูงขึ้น
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า เราไม่ได้โยนเงินทิ้งเปล่าๆ โครงการดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายข้าวในสต๊อก
อีกทั้ง เพิ่มการบริโภคภายในประเทศ และช่วยประคับประคองประเทศไทย จากผลกระทบของวิกฤติหนี้ในยุโรป โดย รัฐบาลไทย มีข้าวเปลือกอยู่ในมือราว 17 ล้านตัน และมีข้าวสารในสต๊อกประมาณ 4 ล้านตัน การขายข้าวให้อินโดนีเซีย ไอวอรีโคสต์ หรือ แม้แต่ อิรัก และรวมทั้ง ประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลางและแอฟริกา จะทำให้ข้าวที่เก็บไว้ในสต๊อกลดลง ดังนั้น คิดว่าในปีหน้า ไทยจะมีข้าวค้างสต๊อกลดลงพอสมควร