ทำเนียบรัฐบาล 11 ก.ย.-นายกรัฐมนตรีเผยสั่งผู้ว่าฯ สุโขทัย
ร่วมกองทัพเร่งซ่อมเขื่อนกั้นน้ำ คาดไม่เกิน 10 วันเสร็จ ขณะเดียวกันสั่ง “ปลอดประสพ” ตามสถานการณ์ใกล้ชิดเพื่อเร่งช่วยเหลือประชาชนให้ทันท่วงที ยอมรับห่วงภาคเหนือตอนล่าง น้ำมาก มาเร็ว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี
เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ในขณะนี้ว่า เป็นห่วงบางพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำฝนค่อนข้างมาก และมาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งพยายามติดตามและดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะใน จ.สุโขทัย ได้สั่งการให้พื้นที่และกองทัพเข้าไปช่วยซ่อมแซมเขื่อนกั้นน้ำที่พังโดยเร็ว คาดว่าไม่เกิน 10 วันจะแล้วเสร็จ และวันเดียวกันนี้ (11 ก.ย.) ได้สั่งการไปยังศูนย์ส่วนหน้า กระทรวงมหาดไทย ให้ลงพื้นที่โดยเร็ว หากพื้นที่ใดเป็นจุดเสี่ยงต้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด แต่สำหรับบางพื้นที่ประชาชนยังต้องการจะอาศัยอยู่ในบ้านเรือนของตัวเองต่อ แม้ว่าเราจะเตือนภัยไปแล้วก็จะต้องอำนวยความสะดวกให้ขนย้ายโดยเร็วที่สุด เพราะต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก
“ได้สั่งการนายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย และจังหวัดใกล้เคียง หากกระบวนการซ่อมแซมเกิดความล่าช้ากว่ากำหนด และให้ดูปริมาณน้ำ หากไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ว่าน้ำจะไหลลงไปที่พื้นที่และจังหวัดไหนบ้าง เพื่อไม่ให้กระทบกับพื้นที่ใกล้เคียงและเตรียมการช่วยเหลือประชาชนได้ทันที ยืนยันว่าโครงการผันน้ำถือว่าใช้ได้ผล โดยเฉพาะจากแม่น้ำยมไปแม่น้ำน่าน” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยาที่เกิดปัญหาน้ำท่วม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จ.พระนครศรีอยุธยาเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำตามธรรมชาติ
ซึ่งกรมชลประทานจะทยอยระบายน้ำไปตามประสิทธิภาพคูคลองที่มีอยู่ เราจะไม่กักน้ำไว้ แต่ต้องเร่งระบายเพื่อให้เขื่อนรองรับได้ ยืนยันว่าการช่วยเหลือประชาชนจะทำได้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และเราจะทำให้เต็มที่ เพราะเราได้บูรณาการเตรียมพร้อม หลายพื้นที่ก็ลงไปทำงานได้เร็วขึ้น เช่นเดียวกับระบบการเตือนภัยก็มั่นใจว่าขณะนี้ทำได้ดี มีการเตือนภัยในทุกที่ แต่บางครั้งประชาชนก็ไม่อยากเคลื่อนย้าย ซึ่งถือเป็นปัญหาหนึ่ง จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปอยู่ใกล้พื้นที่เสี่ยงไว้ก่อน ซึ่งพื้นที่สุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังต่อไปคือ จ.แพร่
ล่าสุด ครม. มีมติการประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชระหว่างวันที่ 21-22 ตุลาคมนี้.-สำนักข่าวไทย