วันนี้ (8 ก.ย.) ที่นครวลาดิวอสต็อก ประเทศรัสเซีย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการหารือทวิภาคีกับนายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลยเซีย ระหว่างเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก(เอเปค) ว่า ไทยและมาเลเซียยืนยันความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดโดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง และในส่วนของปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ได้มีการตกลงกันที่จะนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการตรวจตราตามแนวชายแดนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและเพิ่มพูนการค้าการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น ซึ่งมาเลเซียพอใจกับการดำเนินการดังกล่าวและพร้อมจะส่งคนมาช่วย นอกจากนี้ยังได้หารือกันเกี่ยวกับประเด็นเรื่องบุคคลสองสัญชาติ ซึ่ง 2 ประเทศเห็นตรงกันว่าต้องเร่งรัดแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เร็วที่สุด โดยประเด็นต่างๆทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาความเป็นอยู่ การเพิ่มมาตรการที่จะช่วยเสริมความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวตามแนวชายแดน และการเพิ่มพูนการค้าการลงทุนระหว่างกัน จะเป็นส่วนหนึ่งในการหารือระหว่าง 2 ประเทศในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม(เจซี)ไทย-มาเลเซีย ซึ่งมาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องของทั้ง 2 ฝ่ายจะเข้าร่วมหารือพร้อมกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ฝ่ายไทยได้หารือเร่งรัดให้มีการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ซึ่งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาร่วมกันของไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยไทยจะเร่งรัดให้มีการหารือให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น เพราะเห็นว่าการรักษาราคายางให้มีเสถียรภาพถือเป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังเห็นว่าควรมีความร่วมมือในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับยางพาราเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนไปควบคู่กัน
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยถึงกรณีที่กลุ่มก่อความไม่สงบนำธงชาติมาเลเซียไปติดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศเป็นไปด้วยดี แม้จะมีความพยายามสร้างสถานการณ์ โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ให้ความมั่นใจพร้อมกับย้ำว่า 2 ประเทศจะทำงานควบคู่กันไป ทั้งนี้มาเลเซียเห็นด้วย พอใจ และสนับสนุนแนวทางของไทยในการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีควบคู่ไปกับการพัฒนา ซึ่งไทยได้แจ้งให้มาเลเซียทราบถึงความคืบหน้าในการเพิ่มบุคลากรและงบประมาณทั้งด้านการศึกษาและการสร้างอาชีพในพื้นที่.
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
