แบงก์ออสซี่ทวงค่ารถดับเพลิงกทม.ต้องจ่ายงวดแรกตามสัญญา

กทม.ต้องจ่ายเงินค่ารถดับเพลิงงวดแรก หลังแบงก์ออสเตรียส่งหนังสือเรียกเก็บมาที่ ธนาคารกรุงไทย

เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีโครงการจัดซื้อรถดับเพลิง และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย กทม. มูลค่า 6,687 ล้านบาท ว่า ขณะนี้บริษัทสไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาย์ซอย์ และบริษัทเจเนอรัล ไดนามิกส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัทแม่ ได้ทำหนังสือยืนยันการขอชะลอจ่ายเงินรถดับเพลิงงวดแรกถึงนายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯกทม. ที่กำกับดูแลสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(สปภ.) แล้ววานนี้(7ก.พ.)

แต่ กทม.ต้องไปเจรจากับธนาคารกรุงไทย ในฐานะทำหน้าที่เป็นตัวแทนการชำระเงินเอง ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะขณะนี้ธนาคารไรเฟนเซ่น (Raiffeisen Zentral Bank) กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ได้ทำจดหมายถึงธนาคารกรุงไทยมาอย่างชัดเจนว่าไม่สามารถเลื่อนการชำระเงินได้ และต้องเรียกเก็บเงินงวดแรกแล้ว ซึ่งธนาคารกรุงไทยได้แนบเอกสารดังกล่าวส่งให้ กทม.ทราบแล้ว ดังนั้น กทม.จึงจำเป็นต้องชำระเงินโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

สาเหตุที่ธนาคารกรุงไทยไม่สามารถเจรจากับธนาคารไรเฟนเซ่น เพื่อชะลอจ่ายเงินให้ได้นั้น เป็นเพราะเกรงว่าจะมีปัญหาขัดต่อกฎหมายการค้าสากลระหว่างประเทศ อีกทั้งการเปิด L/C เป็นชนิดที่เพิกถอนไม่ได้ หากธนาคารกรุงไทยไม่ดำเนินการตามสัญญาจะทำให้เสียเครดิตตามไปด้วย

สำหรับมูลค่าการชำระเงินในงวดแรกนั้นมีจำนวน 16,918,025 ยูโร ตกเป็นเงินไทยประมาณ 845 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนการจ่ายเงินเป็น

กทม.40% หรือประมาณ 324 ล้านบาท

และเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 60% หรือ 521 ล้านบาท


ในส่วนของ กทม.

ได้มอบหมายให้ สปภ.ทำการตั้งเรื่องนำเสนอ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. ภายในวันพรุ่งนี้(9ก.พ.) พิจารณาลงนามในการจัดสรรงบกลาง กทม. เพื่อดำเนินการชำระเงินในส่วนที่ กทม.รับผิดชอบ ส่วนเงินอุดหนุนจากรัฐบาล สำนักงบประมาณ กทม.จะทำเรื่องเบิกจ่ายไปที่กระทรวงการคลังต่อไป ซึ่งคาดว่าจะสามารถสั่งจ่ายได้ภายในวันจันทร์ที่ 12 ก.พ.นี้

หากในภายหลังสามารถพิสูจน์ได้ว่าสัญญาเกิดเป็นโมฆะ โดยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) เมื่อนั้นคงจะต้องหารือกันระหว่าง กทม.ในฐานะผู้ซื้อและบริษัทสไตเออร์ฯ ในฐานะผู้ขาย ว่าสัญญาเป็นการยกเลิก ซึ่งหากบริษัทสไตเออร์ฯ ยอมรับก็จะต้องคืนเงินมาที่ธนาคารกรุงไทยที่ได้เปิด L/C แต่หากไม่ยอมรับก็จะต้องสู้กันต่อไป

ตนจะทำหนังสือไปถึงนายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย เพื่อแจ้งให้ทราบถึงกรณีที่บริษัทสไตเออร์ฯ และบริษัทเจเนอรัล ไดนามิกส์ ได้ทำหนังสือมาที่ กทม. ซึ่ง กทม.จะต้องปฏิบัติตามสัญญาในการจ่ายเงินงวดแรกให้กับคู่สัญญาดังกล่าว ส่วนการดำเนินการนำของออกจากท่าเรือนั้น

ขณะนี้ กทม.อยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสาร

เพื่อทำเรื่องขอผ่อนผันการจ่ายภาษีอากรนำเข้าจากกรมศุลกากร โดย กทม.จะใช้ความเป็นหน่วยงานราชการทำการรับรองให้บริษัทผู้ขายนำสินค้าออกจากท่าเรือ โดยไม่ต้องมีการวางหนังสือค้ำประกัน ขณะที่กระบวนการขอบรรจุรถดับเพลิงและครุภัณฑ์ดับเพลิงเป็นยุทธภัณฑ์เพื่อขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มก็กำลังอยู่ระหว่างรอการพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ยังไม่ได้ข้อยุติ

ขณะนี้ตัวแทนของบริษัทสไตเออร์ฯ ประเทศไทย กำลังรอหนังสือรับรองจาก กทม.ให้ไปนำรถดับเพลิงออกจากท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งหากขั้นตอนการขอผ่อนผันเรียบร้อย บริษัทสไตเออร์ฯ ก็จะนำสินค้าล็อต 2 มาเก็บรักษารวมอยู่กับสินค้าล็อตแรก ที่อู่เทพยนต์ ถ.บางกรวย-ไทรน้อย จ.นนทบุรี

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์