
ตู่”เบิกความสู้คดีหมิ่น”มาร์ค”มือเปื้อนเลือด “ชายชุดดำแค่ซาเล้งแต่เอวเหน็บปืนพก
ที่ห้องพิจารณา 914 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ก.ย. ศาลนัดสืบพยานจำเลย คดีหมายเลขดำที่ อ.1962/2552 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา
จากกรณีเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 52 นายจตุพร ขึ้นปราศรัยบนเวที นปช. ที่วัดไผ่เขียว ทำนองว่า โจทก์ไม่ได้นั่งอยู่ในรถประจำตำแหน่ง ในช่วงเหตุการณ์ที่กลุ่มคนเสื้อแดงปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย และรุมทุบรถ และยังกล่าวหาว่าโจทก์เป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือดสั่งทหารยิงประชาชนคนเสื้อแดง ในเหตุการณ์ชุมนุมช่วงเดือน เม.ย.52
โดยในวันนี้นายจตุพรจำเลยขึ้นเบิกความเองว่า สาเหตุที่ตนและกลุ่มนปช.ประท้วง เพราะโจทก์มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยมิชอบตามหลักประชาธิปไตยและจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ส่วนที่ตนปราศรัยในคดีนี้นั้นไม่มีเจตนาที่จะใส่ความโจทก์แต่เป็นการปราศรัยเพื่อเรียกร้องให้เกิดความเป็นธรรม เนื่องจากโจทก์สมัยที่เป็นรัฐบาลนั้นได้มีการจัดสร้างสถานการณ์ต่างๆขึ้นมาใส่ร้ายผู้ชุมนุม เช่นเหตุการณ์เผารถเมล์ รถแก๊ส และเหตุการณ์ล้อมรถที่ ก.มหาดไทย ฯลฯ ตนจึงได้ขึ้นปราศรัยในเรื่องนี้เพื่อป้องกันมิให้มีเหตุการณ์จัดฉากใส่ร้ายคนเสื้อแดงเกิดขึ้นอีก
ส่วนที่โจทก์โดนต่อต้านจากคนเสื้อแดงตามที่สถานที่ต่างๆนั้นเป็นเรื่องปกติของประชาชนที่มีการแสดงออกเรื่องทางการเมืองได้ ซึ่งถ้าตนเดินทางไปพื้นที่ของโจทก์ก็ย่อมจะโดนต่อต้านได้เช่นกัน
สำหรับเหตุการณ์ปิดล้อมที่รัฐสภาในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลโจทก์นั้นตนได้มีการประกาศว่าให้โจทก์สามารถเข้าไปในรัฐสภาได้แต่ต้องลงจากรถยนต์และเดินเท้าเข้าไปโดยได้รับรองในความปลอดภัยของโจทก์ว่าคนเสื้อแดงจะไม่มีการใช้ความรุนแรงแต่โจทก์เลือกที่จะไปแถลงนโยบายที่กระทรวงการต่างประเทศแทน และที่ข่าวในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่มีถ้อยคำพาดหัวคำพิพากษายืนคดีลอบสังหารองค์มนตรีที่ระบุถึงทหารแตงโมนั้นตนไม่รู้จักจำเลยที่เป็นทหารดังกล่าว
นายจตุพรเบิกความต่อว่า การประกาศใช้ พรก.บริหารราชการในสถานการฉุกเฉินนั้นควรออกมาเพื่อใช้กับ3จังหวัดชายแดนใต้เท่านั้น แต่รัฐบาลของโจทก์นั้นได้ออก พรก.ฉบับนี้มาเพื่อให้การชุมนุมของ นปช. เป็นความผิดซึ่งขัดกับรัฐธรรมนูญที่ให้สามารถแสดงออกทางสิทธิเสรีภาพทางการเมืองได้และทางกลุ่ม นปช.ก็จัดการชุมนุมโดยสงบเรียบร้อยและในการชุมนุมที่ผ่านมาศาลแพ่งได้มีคำสั่งว่าในการขอคืนพื้นที่ให้ดำเนินการตามความหมาะสมและจำเป็นพร้อมต้องปฏิบัติการตามหลักสากล แต่โจทก์ไม่ได้มีการปฏิบัติตามมีการใช้กำลังทหารและอาวุธสงครามจากการตรวจสอบจากคณะกรรมมาธิการทหาร พบว่าในช่วงการชุมนุมมีการเบิกจ่าย กระสุน 120,000 นัด กระสุนสไนเปอร์ 2,000นัด ใช้กำลังทหาร 6 0,000 คน ใช้งบประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งถ้ารัฐบาลฝ่ายโจทก์ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลแพ่งก็จะไม่มีคนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นและมากถึง 98 ศพ
นายจตุพรยังเบิกความต่ออีกว่าจากหลักฐานที่เป็นคลิปวีดีโอการปราศรัยต่างที่ทางฝ่ายโจทก์นำมาเปิดเป็นหลักฐาน และมีการเผยแพร่ตามสื่อมวลชนรวมถึงการเปิดที่สภาผู้แทนราษฏรนั้นเป็นการพูดในสถานที่และเหตุการณ์แตกต่างกันออกไป เช่นที่ นาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อปราศรัยที่เขา สอยดาว จ.จันทบุรี ก็เป็นเหตุการณ์ก่อนการชุมนุมหลายเดือน และเนื้อหาที่ปราศรัยก็เกี่ยวกับการรัฐประหารซึ่งนาย ณัฐวุฒิ มีความกังวลว่าจะเกิดขึ้นจึงต้องปราศรัยเพื่อเป็นการปรามไว้ก่อน
ส่วนกรณีของ นาย อริสมันต์ พงศ์เรืองรองที่ระบุให้มวลชนไปชุมนุมกันที่ศาลากลางจังหวัดนั้นเป็นคำพูดความคิดเห็นส่วนตัว และทาง นปช.ก็ได้มีการประชุมกันในเรื่องนี้และมีมติไม่ปฏิบัติตาม
ส่วนที่มีภาพถ่ายชายชุดดำถือปืนยาวปรากฏตามสื่อนั้น ไม่ได้เป็นอาวุธของทางผู้ชุมนุมแต่เป็นอาวุธที่ทางมวลชน นปช.ยึดได้จากเจ้าหน้าที่ของรัฐเพราะก่อนหน้านั้นมีการใช้อาวุธปืนสังหารประชาชนเสียชีวิตกว่า 20 ศพ จึงได้ยึดอาวุธ มากองรวมกันไว้ที่เวที นปช.เพื่อส่งคืนแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในเช้าวันรุ่งขึ้น และชายคนที่ปรากฏตามภาพถ่ายดังกล่าวคือ นาย มานพ ชาญช่างทอง ซึ่งมีอาชีพเป็นแค่คนขับซาเล้งธรรมดา และจากรูปถ่าย การถือปืนของนายมานพ ก็บ่งชัดว่าไม่ได้เป็นผู้ได้รับการฝึกการใช้อาวุธปืนมา และในคดีของนาย มานพ ศาลเองก็ได้อนุญาตให้มีการประกันตัวไปแล้ว
จากภาพถ่ายนั้นปรากฏว่ามีชายชุดดำไม่เกิน6 คนซึ่งจะก่อการร้ายในหลายพื้นที่นั้นเป็นไปไม่ได้ และที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้รับข่าวการสอบสวนดำเนินคดีกับชายชุดดำได้แม้แต่รายเดียว ตอนที่ตนถูกขังในเรือนจำเป็นที่รู้กันดีทั้งเรือนจำว่าหากมีชายชุดดำโดนจับเข้าเรือนจำก็จะมี ศอฉ.มาเบิกตัวออกไปทุกรายไป ไม่ว่าชายชุดดำจะเป็นใครก็ตามถ้าถูกจับต้องโดนดำเนินคดี และเรื่องนี้รัฐบาลของโจทก์ต้องรับผิดชอบ นอกจากนี้ที่นายอภิสิทธิ์ เคยเบิกความว่า ถูกทุบรถยนต์ในกระทรวงมหาดไทยนั้น ความจริงแล้วนายอภิสิทธิกับนายสุเทพ ได้หลบหนีลอดช่องด้านหลังก.มหาดไทยไปก่อนหน้านี้
ทนายโจทก์ซักนายจตุพรว่าทราบหรือไม่ว่านาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ.ได้เคยแถลงข่าวเองเกี่ยวกับนาย มานพ ชาญช่างทองเป็นผู้ที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ,ทหารแย่งอาวุธปืนไป และที่ปรากฏในภาพถ่ายนั้นนอกจากมือจะถือปืนยาวแล้วข้างเอวของนาย มานพยังเหน็บ ปืนสั้นไว้ด้วย นายจตุพร เบิกความตอบว่าไม่ทราบ พยานเบิกความเรื่องอื่นแล้วเสร็จ ศาลจึงนัดสืบพยานจำเลยครั้งต่อไปในวันที่ 17 ก.ย. นี้ เวลา 09.00 น. โดยจำเลยจะนำนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อิสาน และวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษก นปช. เข้าเบิกความเป็นจำเลย
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว