โดยผู้ชุมนุมต่างก็สับเปลี่ยนกันตั้งคำถามกับนางอมราว่า หากกสม. ระบุว่ารายงานที่มีการเผยแพร่ไม่ใช่ฉบับจริง ของจริงจะออกเมื่อใด
และจากท่าทีของ กสม. ที่ผ่านมาต่อการปกป้องการละเมิดสิทธิ คนเสื้อแดงมองว่า กสม. ไม่ให้ความสำคัญกับการปกป้องสิทธิคนเสื้อแดง แต่ให้การปกป้องสิทธิคนเสื้อเหลืองมากกว่า เป็นลักษณะ 2 มาตรฐาน อีกทั้งภาพที่นางอมรา นำดอกไม้ไปให้นายอภิสิทธิ์ เมื่อรวมกับรายงานที่มีการเผยแพร่สะท้อนว่า กสม. ชุดนี้ โน้มเอียงเข้าข้างรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และอยากจะถามใจ กสม. การที่มีผลสรุปออกมาว่า ในเหตุการณ์ชุมนุมคนเสื้อแดงใช้ความรุนแรงและเป็นผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้ อื่นนั้น คนที่ตายในวัดปทุมฯ ถือว่าถูกละเมิดสิทธิหรือไม่
ซึ่งนางอมรา ก็ตอบทุกคำถามของคนเสื้อแดง โดยกล่าวว่า ทางกสม. ไม่ได้มีการบิดเบือนข้อมูล หลังมีรายงานของ กสม. หลุดออกมาก่อนหน้านี้
โดยยืนยันว่ารายงานการสลายชุมนุมปี 53 ยังไม่เสร็จ สมบูรณ์ ฉะนั้นรายงานที่หลุดออกมาไม่ใช่รายงานของ กสม. แต่อย่างใด เนื่องจากในรายงานดังกล่าวมีเนื้อหา รายละเอียด ที่ซับซ้อน ดังนั้น กสม. ต้องใช้ความรอบคอบในการตรวจสอบ เพื่อให้รายงานออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด ซึ่งการจะบอกว่าใครถูกละเมิดสิทธิ ก็ต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป เพราะแต่ละคนถูกละเมิดสิทธิโดยบุคคลที่แตกต่างกันไปจะไปเหมาไม่ได้ อย่างของน.ส.กมลเกด ก็โดนละเมิดสิทธิอย่างชัดเจน และยืนยันว่า กสม. ได้พยายามที่จะรักษาสิทธิของผู้ชุมนุมทุกครั้งที่มีการชุมนุม ก็จะออกแถลงการณ์ถึงทุกรัฐบาล ให้คำนึงถึงการปกป้องสิทธิของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของคนเสื้อเหลือง และคนเสื้อแดง และ กสม.ก็ไม่ได้นำดอกไม้ไปให้นายอภิสิทธิ์ เท่านั้น แต่ไปให้รัฐบาลนี้ ไปให้แกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งเข้าใจว่าคนเสื้อแดง ได้ข้อมูลเพียงด้านเดียว จึงไม่เข้าใจการทำงานของ กสม.
“เราไม่เคย บอกว่ารัฐบาลไม่ผิด เพราะทุกอย่างต้องดูเป็นเรื่องๆ ไป การกล่าวหาในลักษณะนี้เท่ากับเป็นการปรักปรำ เพราะก่อนหน้านี้เราไม่เคยทำงานสองมาตรฐาน เราเดินทางไป เยี่ยม นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นพ.เหวง โตจิราการ ที่เคยถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ รวมทั้ง ยังเดินสายไปปะทุกฝ่าย ยืนยันว่าไม่เลือกปฏิบัติ”นางอมรา กล่าวและว่า กสม. ทำงานอย่างตรงไปตรงมา เต็มความสามารถ แต่ที่รายงานดังกล่าวออกมาล่าช้า เพราะมีเนื้อหาที่ยากและซับซ้อน กสม. จะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ เป็นกลางและโปร่งใส พร้อมทั้งจะเร่งพิจารณารายงานดังกล่าวออกไปสู่สาธารณชนโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามผู้ชุมนุมได้พยายามที่จะชี้ให้เห็นว่านางอมรา ไม่เหมาะที่จะดำรงตำแหน่งประธาน กสม. เพราะทั้งมีอคติกับคนเสื้อแดงอยู่แล้ว
เนื่องจากสมัยที่เป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยเป็นแกนนำล่ารายชื่อไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกจากตำแหน่งนายกฯ ในขณะนั้น และเมื่อมาเป็นประธาน กสม. ก็ล่าช้าในการตรวจสอบเรื่องต่างๆ โดยผู้ชุมนุมก็ต่างตะโกนว่า อยู่จนหัวหงอกแล้วทำอะไรไม่ได้แล้วจะอยู่ทำไม ไม่ลาออกไป ซึ่งนางอมรา ก็กล่าวว่า ขณะที่เป็นอาจารย์ ไม่เคยเป็นแกนนำไล่พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนั้นที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ นั้นทำมีจดหมายเปิดผนึกถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนเรื่องลาออกนั้น คณะกรรมการสิทธิฯ มีกรรมการรวม 7คน ข้อเรียกร้องเรื่องนี้กรรมการทั้ง 7 คนต้องช่วยกันพิจารณา จะออกมาอย่างไรก็ไม่ทราบ
นางพะเยาว์ กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่ารายงานที่มีการเผยแพร่ขณะนี้ เป็นความตั้งใจของกสม. ที่ให้มีการรั่วไหลออกมา เพื่อเป็นการชี้นำสังคม
เพราะอีกไม่นาน คอป. จะมีการสรุปรายงานมาแล้ว ซึ่งหาก กสม. ยังยืนยันว่า รายงานฉบับจริงยังไม่แล้วเสร็จ ส่วนตัวในฐานะที่รอก็เห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเห็นรายงานฉบับนี้แล้ว เพราะตราบใดที่นางอมรา ยังคงทำหน้าที่เป็นประธาน กสม. เชื่อว่าคงไม่มีความเป็นธรรมและเป็นกลาง ให้แก่สิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด ทั้งนี้เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ตนก็ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อรัฐบาล เพื่อให้กำชับไปยังกองทัพว่าอย่ามาชี้นำดีเอสไอ ในการทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีการชุมนุมคนเสื้อแดง
ส่วนนพ.นิรันดร์ กล่าวว่า รายงาน ที่มีการเผยแพร่ไม่ใช่ของจริง และที่ กสม. ทำก็ไม่เคยมีการตั้งคณะอนุกรรมการ 9 ชุด อย่างที่ปรากฎเป็นข่าว
และเนื้อหาก็ไม่ตรงกับฉบับจริง อีกทั้งการพิจารณาของ กสม. ก็ไม่จำเป็นต้องรอรายงานฉบับสุดท้ายของ คอป. เพราะไม่สามารถนำมาพิจารณาร่วมกันได้ ทั้งนี้ในรายงานของ กสม. จะเป็นการสรุปผลในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิ รวมทั้งจะมีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาล เพื่อให้เยียวยาต่อไป ซึ่งเวลานี้ กสม. กำลังเร่งพิจารณา เชื่อว่าภายใน 1 – 2 เดือนนี้จะแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นางอมรา และกรรมการสิทธิฯ ได้ตอบข้อซักถามของกลุ่มคนเสื้อแดงเสร็จ กลุ่มคนเสื้อแดง ก็ได้นำดอกไม้จันทน์ มามอบให้กับนางอมรา และกรรมการสิทธิฯ เพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อการทำหน้าที่