นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์กรณี นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) แถลงตอบโต้ นายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การบริหารจัดการน้ำ ว่า
ต้องย้อนกลับไปปี 2554 ปล่อยน้ำน้อยมากน้ำในเขื่อนมีสูงถึง 70%ประกอบกับมีพายุเข้าอีก 3-4 ลูกจึงต้องระบายน้ำลงมาในเดือนส.ค.-ก.ย.จึงก่อให้เกิดอุทกภัยร้ายแรง
ปีนี้รัฐบาลจึงจัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.)เพื่อคอยดูแลการระบายน้ำ มีนายปลอดประสพ เป็นประธานคณะกรรมการ พยายามระบายน้ำให้เหมาะสมกับรองรับพายุที่อาจจะเข้ามา ปัจจุบันมีเขื่อนที่สำคัญคือ เขื่อนภูมิพลมีน้ำอยู่ 48% เขื่อนสิริกิติ์ 54% ตนคาดว่าในช่วง 2-3 เดือนต่อจากนี้ไม่น่ามีปัญหา แต่จะมีปัญหาในช่วงที่ฝนทิ้งช่วงมากต่อเนื่องไปจนถึงเดือน ม.ค.ปีหน้า จะขาดแคลนน้ำในการทำเกษตรกรรม แต่ในขณะนี้ กบอ.ก็ได้ปรับแผนงานใหม่คือถ้าน้ำเข้ามามากจะปล่อยน้ำน้อย เพราะต้องการให้น้ำในเขื่อนมีพอ ที่จะใช้ไปถึงช่วงฤดูแล้ง
เพราะฉะนั้น ทั้งนายปลอดประสพและอดีตอธิบดีกรมชลประทานถูกทั้ง 2 ฝ่าย โดยนายปราโมทย์ ก็คงเป็นห่วง แต่การปล่อยน้ำในขณะนี้มีคณะกรรมการดูแล มีหลายหน่วยงานเข้ามาร่วม ส่วนตัวตนเห็นว่าก็ต้องคำนึงถึงพายุที่เข้ามาด้วย ถ้าปีนี้พายุไม่มาหรือมาน้อยทางคณะกรรมการดังกล่าวก็พยายามไม่ปล่อยน้ำมาก เพื่อให้น้ำมีใช้เพียงพอถึงเดือนม.ค.ปี 2556
“ผมได้ลงพื้นที่ไปดูประตูน้ำบางโฉมศรี ดูแล้วสถานการณ์น้ำทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ในลุ่มน้ำเจ้าพระยายืนยันว่า น้ำไม่ท่วม 100% ปีนี้สบายใจได้ ส่วนปีหน้าค่อยว่ากัน โดยปีนี้ในพื้นที่ที่มีจุดอ่อน กรมชลประทานต้องรีบดำเนินการ ผมในฐานะที่เป็นที่ปรึกษารมว.เกษตรฯ ก็พยายามลงพื้นที่ไปดูทุกสัปดาห์ ส่วนไหนที่ต้องได้รับการแก้ไข ก็ต้องของบประมาณจากรัฐบาล ซึ่งในวันนี้รัฐบาลก็ได้ให้งบประมาณในส่วนการซ่อมแซมประตูน้ำบางโฉมศรีและสถานีสูบน้ำปากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ครบแล้ว 500 กว่าล้านบาท ก็จะเร่งดำเนินการต่อไป ส่วนจุดที่สำคัญงบประมาณก็คงจะทยอยมา”นายบรรหารกล่าว
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายมีการตั้งข้อสังเกตว่าควรจะมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องน้ำ เพราะนายปลอดประสพไม่ได้เก่งในการบริหารจัดการน้ำ นายบรรหาร กล่าวว่า ท่านเคยทำงานกับตนสมัยที่อยู่กระทรวงเกษตรฯ ถึงแม้ว่านายปลอดประสพจะไม่เคยดูแลเรื่องน้ำ แต่หลังจากที่ได้มารับหน้าที่ดูแลเรื่องน้ำ ก็คงจะมีความรู้มากพอสมควร และก็ยังมีกรรมการอีกหลายฝ่ายรวมทั้งกรมชลประทานเข้าร่วมด้วย ท่านคงไม่สามารถตัดสินใจคนเดียวได้ โดยหลักแล้วกรมชลประทานจะตัดสินใจและมีหน้าที่รับผิดชอบเป็นหลักใหญ่ ประชาชนมั่นใจในข้อมูลได้ และไม่ต้องกังวล