วันที่ 28 ส.ค. ที่สนามบินดอนเมือง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม มีคำสั่งย้ายพล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตรา ไปช่วยราชการประจำสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่กระทบต่อขวัญ และกำลังใจของข้าราชการ ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดี แสดงให้เห็นว่า มีการเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการโยกย้ายครั้งนี้มากจนเกินไป เป็นเรื่องที่รมว.กลาโหม ต้องอธิบายเหตุผล ไม่เช่นนั้นเท่ากับเป็นการใช้อำนาจทางการเมืองที่ไม่คำนึงถึงหลักการบริหารที่ดี และพยายามใช้อำนาจของตนเองและบ่งบอกว่าพยายามที่จะล้วงลูกกองทัพ
“ผมอยากเตือนว่าเรื่องของหน่วยงานด้านความมั่นคง กองทัพ มีกฎหมายที่มีเจตนารมณ์ชัดว่าไม่ต้องการให้การเมืองยุ่งมากเกินไป อยากให้เคารพเจตนารมณ์ ถ้าพยายามนำมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองจะส่งผลเสียกับระบบและส่วนรวม ขอย้ำว่านายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บริหารสูงสุดในรัฐบาลต้องพิจารณาและเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นตัวอย่างเป็นบรรทัดฐานทำให้มีปัญหามากขึ้นในวันข้างหน้า ที่สำคัญหากไม่มีการแก้ไข ปล่อยผ่านได้ ก็เป็นที่คาดหมายได้ว่ารายอื่นอาจจะโดนด้วย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้มีความชัดเจนว่ารัฐบาลมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบ ของคณะกรรมการที่มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล
เพื่อให้การเมืองเข้าไปแทรกแซงได้ เท่ากับว่าการแต่งตั้งโยกย้ายต่าง ๆ จะต้องสนองความต้องการของฝ่ายการเมืองเพียงอย่างเดียว ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จะไม่เป็นผลดีทั้งกับการเมืองและไม่เป็นผลดีกับงานด้านความมั่นคง และในช่วงที่ผ่านมาก็เหมือนย้อนกลับไปสู่ยุคที่ข้าราชการต้องอยู่ภายใต้ความกลัว รัฐบาลถือนโยบายว่า "ใครไม่สนองความต้องการไม่ใช่เรื่องเป้าหมายนโยบาย ก็ใช้อำนาจการเมือง"
เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวจะเป็นบทพิสูจน์ผบ.เหล่าทัพ อย่างไร ว่าจะรักษาสถาบันหรือจะกอดเก้าอี้เพื่อรักษาตำแหน่งของตัวเอง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตนเองอย่างตรงไปตรงมา ยึดประโยชน์ส่วนรวม ต้องยอมรับว่าทหารมีวินัย แม้กระทั่งปลัดกระทรวงกลาโหมก็พูดชัดเจนว่าผู้บังคับบัญชาสั่งการอย่างไรก็ยอมรับ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความเข้มแข็งของ ผบ.เหล่าทัพ แต่สังคมต้องช่วยปกป้องข้าราชการที่ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา จะเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด ทั้งนี้ต้องตั้งคำถามกับรมว.กลาโหม ว่าจะสร้างปัญหา และสร้างบรรยากาศอย่างนี้ให้เหมือนกับสมัยตอนปลายรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำไม ต่อข้อถามว่า ทุกครั้งที่มีปัญหาการเมืองเข้าไปล้วงลูกกองทัพ มักเกิดกระแสการปฏิวัติตามมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ควรจะมีเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารกันอีก ขณะเดียวกันคนที่เป็นนักการเมืองต้องมีคุณธรรม และอย่าทำลายระบบ