แฉเล่ห์ แม้ว จ้างล็อบบี้เพิ่ม หวังใช้ รัฐบาลบุช กดดันไทย

เป็นถึงอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา หวังใช้เส้นสายในรัฐบาล บุช สร้างเรื่องกดดันรัฐบาลไทย พร้อมสวนกลับทนายรับจ้าง แฉ แม้ว สมัยเรืองอำนาจ เรียกคอลัมนิสต์ นสพ.ไปกินข้าวแล้วแจกงาน

นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ว่าจ้างบริษัท เบเกอร์ บอตส์ บริษัทล็อบบี้ยิสต์รายใหม่ ที่มีอดีตรัฐมนตรีคลัง และอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา คือ นายเจมส์ เอ. เบเกอร์ เป็นเจ้าของ

นายเจมส์ เอ. เบเกอร์ เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้กับบิดานายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

เป็นบุคคลที่อยู่แวดวงทนายความ มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับผู้พิพากษาศาลสูงในสหรัฐฯ ที่ผ่านมามีบทบาทอย่างมากโดยเฉพาะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ระหว่างนายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช กับนายอัล กอร์ จากพรรคเดโมแครต โดยนายเจมส์ เอ. เบเกอร์ คนนี้ไปยื่นคำร้องต่อศาลสูงสุดสหรัฐฯ เพื่อขอให้ยุติการนับคะแนน แล้วใช้คะแนนในเวลานั้นเป็นตัวตัดสิน ซึ่งด้วยความสนิทสนมศาลสูงสุดจึงมีคำสั่งให้การนับคะแนนยุติ ถือให้การนับคะแนนในเวลานั้นเป็นคะแนนสุดท้าย ทำให้นายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ชนะนายอัล กอร์ ไปด้วยคะแนนเฉียดฉิว

นายเจมส์ เอ. เบเกอร์ มีอิทธิพล ถ้าอุปมาอุปไมยเปรียบเหมือนฝรั่งคนหนึ่งเดินมาจ้างนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ผ่านการทำงานมาแล้วหลายรัฐบาล แถมรู้จักสนิทสนมกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี รู้จักกับผู้นำประเทศ ถ้าฝรั่งคนใดมาจ้างโอกาสที่จะประสบผลความสำเร็จก็มีสูง

ต้องการให้รัฐบาลสหรัฐฯ หรือนายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ออกมติ หรือสั่งการให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ยื่นกระทู้ถามไปที่ ดร.คอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อให้ชี้แจงต่อสภา โดย ส.ส.เหล่านั้นจะอ้างเหตุผลว่า ประเทศไทยได้มีการยึดอำนาจมานานแล้ว แต่ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อใด

จากนั้น ดร.คอนโดลีซซา ไรซ์ ก็จะเรียกทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยมาสอบถาม และทูตสหรัฐฯ ก็จะเดินทางมากดดันและทวงถามเรื่องนี้กับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี อีกครั้ง เป็นการยืมมือสหรัฐฯ เพื่อมากดดันรัฐบาลไทย

บริษัทพวกนี้เป็นบริษัทรับจ้าง ถูกต้องบ้างไม่ถูกต้องบ้างไม่สนใจ เพียงแค่มีเงินจ่ายก็ทำงานให้ เหมือนกับซีเอ็นเอ็น กับนิตยสารไทม์ มีการขายกันเป็นแพกเกจ ล็อบบี้ยิสต์ก็เหมือนกัน จะมีบริษัทเป็นผู้ดำเนินการติดต่อไป ทั้งๆ ที่เรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดก็ไม่สำคัญพอที่จะขึ้นปกนิตยสารไทม์ได้ มิหนำซ้ำเนื้อหาควรจะอยู่ภายใน นอกจากนี้ เมื่อดูจากสัมภาษณ์ก็ถือเป็นการป้อนคำถามให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบเพื่อเคลียร์ตัวเอง

จะต้องมีสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งในเรื่องของเงินทอง ผมไม่อยากจะพูดว่า ไทม์ กับซีเอ็นเอ็นเขาอยู่ในเครือเดียวกัน และขายเป็นแพกเกจ ซื้อผ่านโดยบริษัทโฆษณาได้ เหมือนกับสื่อในประเทศที่ใครจะออกรายการก็ต้องจ่ายเงินก่อนถึงจะออกได้

ส่วนกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ ทนายความประจำตระกูลชินวัตร ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยใช้เงินซื้อสื่อทั้งในและต่างประเทศ เพราะมั่นใจในจิตวิญาณของสื่อที่ซื้อไม่ได้นั้น

สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอำนาจ ชอบเชิญคอลัมนิสต์หลายๆ คนไปรับประทานอาหาร มีอยู่ครั้งหนึ่งไปเจอนั่งทานอยู่ที่ห้องอาหารจีน ในโรงแรมอมารี ประตูน้ำ คอลัมนิสต์บางคนคุยไปคุยมา พ.ต.ท.ทักษิณ ให้งานไปทำ บางคนขอรายการโทรทัศน์ ฝากพรรคพวก วิ่งเต้นเพื่อขอส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ในช่วงที่ตนสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ คอลัมนิสต์พวกนี้ส่วนใหญ่จึงเขียนเชียร์ พ.ต.ท.ทักษิณ เพิ่งจะมีช่วงหลังที่เสียเปรียบ ประชาชนเริ่มรับรู้มากขึ้น คนพวกนี้เลยเริ่มใส่เกียร์ว่างกันเป็นแถว

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์