เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าแม้งานการข่าวรู้การเตรียมก่อเหตุการณ์ความไม่สงบ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ล่วงหน้า แต่ไม่อาจป้องกัน หรือ ระงับเหตุร้ายได้ เนื่องจากพื้นที่กว้าง และ มีกำลังเจ้าหน้าที่น้อย อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการเพิ่มกำลังทหาร แต่จะเพิ่มกำลังตำรวจตระเวณชายแดน หรือ ตชด. เข้าไปเสริมในพื้นที่ให้มากขึ้น และ เจ้าหน้าที่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการปฎิบัติงานให้มากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะฝ่ายปกครอง ที่มีความหละหลวมอยู่ในขณะนี้ จำเป็นต้องดูแลอย่างเข้มงวดขึ้น เพราะจุดไหนที่หละหลวมก็จะเป็นเป้าหมายของคนร้ายได้ง่าย
ซึ่งทหารก็จะช่วยเข้าไปดูแลในส่วนนี้ ทั้งนี้กลุ่มก่อเหตุในพื้นที่มี 3 กลุ่ม
ประกอบด้วย กลุ่มแบ่งแยกดินแดน กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด และ กลุ่มผู้มีอิทธิพลค้าน้ำมันเถื่อน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กัน โดยประชาชนได้ร้องเรียนมายังรัฐบาล ถึงเรื่องการระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ จึง ได้หารือกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เพื่อเพิ่มด่านตรวจตราสะกัดกั้นยาเสพติด และ การตรวจเข้มผู้ที่เดินทางผ่านเข้าออกบริเวณชายแดนให้มากขึ้นด้วย ทั้งนี้ หากผ่านพ้นเดือนรอมฎอนไปแล้ว คาดว่าสถานการณ์เหตุรุนแรงในพื้นที่จะดีขึ้น
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.)นั้น
จะเสนอโครงสร้างให้นายกรัฐมนตรี ลงนามได้ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ และ เชื่อว่า หากการทำงานตามโครงสร้างใหม่ ที่สนับสนุนให้หน่วยงานทั้ง 17 กระทรวงลงไปร่วมแก้ไขปัญหา สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ 100% แผนปฏิบัติงานก็จะเห็นผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมได้ภายใน 2 เดือน.