ปปช.ชี้มูล“เทือก”จงใจแทรกแซงวธ.-“มาร์ค”รอด

เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 14 ส.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภานัดพิเศษ  ที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา

คนที่ 1 รักษาการแทนประธานวุฒิสภาทำหน้าที่ประธานการประชุม  โดยมีวาระเรื่องที่แจ้งต่อที่ประชุม ตามที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องดังกล่าวไปยังประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้มีการพิจารณาคำร้องถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กระทำอันเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงปฏิบัติหน้าที่ข้าราชการในกระทรวงวัฒนธรรมตามมาตรา 268 ของรัฐธรรมนูญนั้น

               
ตามที่มีผู้ร้อง ประการแรก นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งจากสำนักนายกรัฐมนตรีมอบหมายและมอบอำนาจให้นายสุเทพ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี

เข้าประชุมปฏิบัติหน้าที่ประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ และประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ   ประการที่สอง นายสุเทพ รองนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือจากสำนักนายกรัฐมนตรีถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อส่งตัวส.ส.พรรคประชาธิปัตย์มาช่วยราชการในกระทรวงวัฒนธรรม  ประการที่สามกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รู้เห็นเป็นใจ กับนายสุเทพรองนายกรัฐมนตรี ส่งส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มาช่วยราชการในกระทรวงวัฒนธรรม เป็นการเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนหรือผู้อื่น หรือพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยตรงหรืออ้อมในการบรรจุแต่งตั้งโยกย้ายหรือโอนตำแหน่ง อันเป็นการกระทำขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ซึ่งประธานวุฒิสภาได้ส่งคำร้องดังกล่าวไปยังประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งได้มีการไต่สวนแล้ว โดยคณะกรรมการป.ป.ช. ได้มีการพิจารณาคำร้องทั้ง 2 ไว้ในคราวเดียวกัน

               
บัดนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงเสร็จแล้ว

และส่งรายงานข้อเท็จจริงการไต่สวนตามคำร้องให้ถอดถอนบุคคลทั้งสองออกจากตำแหน่งมายังประธานวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 274 เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2555  ประกอบด้วย  เอกสารร่างรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริง 113  แผ่น และเอกสารประกอบหลักฐานรายงานและสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงอีก 782 แผ่น 

               
“โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติว่า การกระทำของนายอภิสิทธิ์ตามข้อกล่าวหานั้นไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป ส่วนกรณีการกระทำของนายสุเทพ คณะกรรมการป.ป.ช.ได้มีมติว่า มีมูลส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (2) (1) และกรณีที่ทำหนังสือจากสำนักนายกรัฐมนตรี นน/0405 (รร1) ค 600 ลงวันที่ 25 ก.พ. 2555 ส่งส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และคนอื่นๆ รวม 19 คน มาช่วยราชการกระทรวงวัฒนธรรม อันเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติงานผู้บัญชาการการดำเนินการในหน้าที่ประจำของข้าราชการ เพื่อประโยชน์ของตัวเอง ของผู้อื่นหรือของพรรคการเมือง  ซึ่งเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (1) และเป็นเหตุให้ถูกถอดถอนตามมาตรา 270 ประกอบมาตรา 272 วรรค 4ของรัฐธรรมนูญ” 

               
โดยที่กระบวนการพิจารณาถอดถอนนายสุเทพ ที่วุฒิสภาจะต้องดำเนินการนั้น
 
รัฐธรรมนูญมาตรา 273 ประกอบข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ข้อที่ 114 เมื่อประธานวุฒิสภาได้รับรายงานเอกสาร และความเห็นจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มีมติชี้มูลว่าผู้ถูกกล่าวหาผู้ใดมีพฤติกรรมอย่างหนึ่งอย่างใด ตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญ ให้ประธานวุฒิสภาจัดให้มีการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณากรณีดังกล่าวโดยเร็ว และบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นเรื่องเร่งด่วน