พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะ นี้ภาคใต้ยังใช้การเมืองนำการทหาร และมีคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์มี รองนายกฯ เป็นประธาน
ซึ่งการประชุมวันพรุ่งนี้ต้องพูดคุยในภาพรวม 17 กระทรวง กับ 66 หน่วยงานได้เข้าใจ ในรายละเอียดผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา โดยต้องขับเคลื่อนพร้อม ศอ.บต. กอ.รมน. โดยต้องทำงานร่วมกัน สอดคล้องกับความมั่นคง ความต้องการของคนในพื้นที่ ซึ่งไม่ได้มีอะไรใหม่เลย ไม่ได้หมายความว่าตั้งองค์กรมาแล้วภาคใต้จะจบ แต่เอามาขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ โดย สมช.มี 9 ข้อ กอ.รมน. 7 ข้อ ศอ.บต.มี 9 ข้อ วันนี้มาเขียนใหม่โดย ทำเป็นแผนที่ตนตั้งเองเรียกว่า 9-5-29 เป็นเป้าประสงค์ขององค์กร ทั้งหมดไม่ได้ใช้กำลัง มี 5 กลุ่มงานหลัก ด้านความมั่นคง ด้านการพัฒนา ด้านยุติธรรม ด้านสิทธิมนุษยชน ด้านการพูดคุยเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้เรารู้เขารู้เราหรือไม่ เพราะถูกมองว่า เรายึดติดกับฐานข่าวเก่าเช่น นายมะแซอุเซ็ง แกนนำผู้ก่อความไม่สงบ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไอ้บ้านั่นมีมาตั้งนานแล้ว ตนต้องบอกสื่อทุกเรื่องหรือไม่ สื่ออย่าดูถูกว่า ตนไม่รู้ ถ้าไม่รู้จะรบกันได้อย่างไร คุณเป็นผบ.ทบ.หรืออย่างไรถึงต้องอยากรู้ทั้งหมด ส่วนหนึ่งของปัญหาเป็นขบวนการแยกดินแดนในอดีต ซึ่งมีอยู่หลายคน มีลูกหลานที่โตขึ้นมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างความวุ่นวาย ไม่อยากให้พูดว่า เป็นขบวนการแยกดินแดนทั้งหมด การต่อสู้ให้ใช้กฎหมายทุกอย่าง ต่อสู้เพื่อให้รู้ว่า กลุ่มนี้คือกลุ่มนี้ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมีตั้ง 8 - 9 กลุ่มจะประกาศชื่อให้ทั่วโลกรู้เพื่อให้หนีไปหรืออย่างไร ทำไมจะต้องบอกชื่อทั้งหมด บางอย่างพูดให้ตายก็ไม่เข้าใจ ถ้าเก่งก็มาเป็นผบ.ทบ. เดี๋ยววันนี้จะมาโทษว่า ตนเม้งแตกอีก ตนโมโหเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าผมโกรธสื่อ ผมก็ฆ่าไปนานแล้ว ไม่อย่างนั้นคุมกองทัพไม่ได้ ผมก็โมโหเป็น ไม่ใช่พระ มิเช่นนั้นลูกน้องจะกลัวหรือ ไม่อย่างนั้นลูกน้องก็ไปกลัวโจร ไม่ต้องมากลัวผม ผมก็เป็นของผมอย่างนี้ วันนี้กองทัพต้องเป็นปึกแผ่น
ผู้สื่อข่าวต่อว่า การใช้เรือเหาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาก็ทำอยู่แล้ว
ทำไมต้องเหาะให้เห็นหรืออย่างไร มันจะสลายหรือเปื่อยไปไงร มันจอดอยู่ในโรงเมื่อใส่แก๊ซไปก็ใช้ได้ ซึ่งเรือเหาะสามารถใช้ได้ทุกพื้นที่ แต่ตรงไหนที่อันตรายเราก็ไม่ใช้ อย่างน้อยต้องขึ้นบินอย่างต่ำ 3 พันเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกยิง คนที่คิดใช้เรือเหาะในพื้นที่ไม่ใช่ปัญญาอ่อน หรือจะเอาผลประโยชน์ แต่เขามองว่าทำอย่างไรเราจะเฝ้ามองตรวจสนามรบได้ตลอดเวลา ส่วนกรณีที่กองทัพอากาศจะใช้เครื่องบิน AU-23 มาช่วยลาดตระเวนคุ้มครองหน่วยภาคพื้นดินนั้น เป็นความหวังดีของรมว.กลาโหม และผบ.ทอ. อย่างน้อยก็เป็นตาข้างบน ห้ามปรามได้ เวลาฝ่ายโน่นคิดจะทำอย่างไรต้องระวัง เพราะจะมีเครื่องบินหรือ เรือเหาะบินมาใช้กล้องส่อง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ขาดแคลนตำรวจพอสมควร ซึ่งส่วนใหญ่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นหลัก แต่มันโหด
ดังนั้นตำรวจพวกนี้อาจจะไม่เหมาะ ขณะนี้มีการเตรียมการนำตำรวจใหม่ที่ผ่านการฝึกสงครามกองโจร สงครามนอกแบบ เพื่อลงไปทำงานร่วมกับตำรวจภูธร ขณะนี้ยังฝึกไม่ทัน ก็เอาตำรวจพลร่มลงไปก่อนเพื่อไปขับเคลื่อนในทุกจังหวัด และในเขตเมือง ซึ่งทางผู้ว่าราชการการจังหวัด นายอำเภอ มีกำลังฝ่ายพลเรือนเป็นหลัก ทหารจะเป็นแบ็คอยู่เบื้องหลัง เมื่อมีเหตุการณ์ก็เข้าไปช่วย แต่เวลามีเรื่องทหารโดนด่าทุกที ส่วนแนวคิดที่จะให้พลทหารที่ปลดประจำการบรรจุเข้าไปทำงานในพื้นที่นั้น เป็นแนวคิดที่มีมาตั้งนาน ตั้งแต่สมัยตนเป็นร้อยตรี ตนได้คุยกับผบ.ตร.ว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ที่ทหารเกณฑ์ที่ถูกปลดประจำการในพื้นที่เป็นหลัก หรือทหารเกณฑ์ที่เคยลงไปปฏิบัติในพื้นที่บรรจุคัดเลือกเข้าเป็นตำรวจดูแลพื้นที่ ซึ่งน่าจะบรรจุปีละพันนาย โดยรมว.กลาโหมเป็นผู้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีในที่ประชุม ซึ่งนายกฯเห็นด้วย
“ถ้าจะถามว่า การทำงานไม่ให้ตายไม่ได้หรือ ผมตอบไม่ได้ เพราะผมใช้กฎหมายเต็มที่ไม่ได้ ถ้าผมประกาศเคอร์ฟิวได้ก็จะปิดกั้นเส้นทาง คนก็จะไม่ใช้ ทหารก็ไปดักซุ่ม ออกมาก็ยิงไล่เลย ไม่ต้องมาระวังกัน ถ้าให้ผมอย่างนี้ไม่ได้ ประชาชนก็ต้องลดการสัญจรไปมา หรือเดินทางให้น้อยลงในเวลากลางคืน แต่พอให้ไปเป็นหมู่คณะ แล้วเอาทหารไปคุ้มครองก็ไม่เอา หาว่าทหารไปล่อเป้า นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เขาไม่อยากได้ทหารไปล่อเป้าเพราะมันอันตราย แต่ความจริงมันอันตราย เพราะถ้าไปให้มีคนดูแล ประชาชนไม่ยอมให้ไป บางโรงเรียน บางวัด ไม่ให้ทหารเข้าไปใกล้ๆ แล้วถ้าถูกเผาขึ้นมา ทหารก็โดนด่า นี่คือ ปัญหาปลีกย่อยที่อยากให้สื่อเข้าใจ ผมพยายามอธิบาย ผมใจเย็นที่สุดแล้ว”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การคิดวันนี้ต้องคิดให้หมด ไม่ใช่ถือดาบ 2 มือ หรือถือผ้าผืนหนึ่งแล้วไปรบ มีคนทำกับข้าวให้กินคงไม่ใช่
ต้องคิดให้หมดตั้งแต่หัวจรดเท้า ต้องคิดว่า งบประมาณแค่นี้จะใช้อย่างไรให้เพียงพอ ผลประโยชน์จะไปตกกับใคร กำลังพลจะได้ประโยชน์สูงสุดหรือไม่ รัฐบาลจะว่าอะไรหรือไม่ ทำอย่างไรกำลังพลจะมีความสุข เราต้องซื้อใจเขาให้อยู่กับ ให้เขาไปรบ ไปเสียสละชีวิต วันนี้เขาขอแค่ความภาคภูมิใจเมื่อที่เขาตายเท่านั้น คนที่ลงไปทำหน้านี้ต้องสู้เขาให้ได้ และต้องระมัดระวังตลอดเวลา นั่นคือสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาต้องคิด ต้องทำ ขอให้เข้าใจวัฒนธรรมของทหาร ถ้าไม่มีทหาร ไม่มีตำรวจจะโดนมากกว่านี้ การแก้ต้องแก้ด้วยความเข้าใจ ด้วยกฎหมาย หรือการดึงเขากลับมา และไม่ให้เขาเพิ่มจำนวนมากขึ้น แก้สถานที่บ่มเพาะในประเทศและต่างประเทศ สถานศึกษา ตั้งแต่ปี 2547 เราก็คิดแก้ปัญหามาโดยตลอด
ที่ผ่านมามีเหตุแรงบ้าง เบาบ้าง ถ้าตนพูดแรง มันจะแรงสู้ ตนลงไปใต้มันก็ระเบิดของมันอยู่แล้ว ไม่ต้องมาท้าทายใตนลงไปหรอก เพราะมันระเบิดทุกวัน หากผมกลัว ผมก็ไม่ต้องลง หากจะระเบิดก็ระเบิดไป ลูกน้องอย่าตายก็แล้วกัน แต่จะให้ตนลงทุกวันก็ไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องของแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ต้องนำนโยบายของตนไปสู่การปฏิบัติการ