พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก(ทบ.)ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ถึงกรณีแนวความคิดที่จะประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า
ขณะนี้ยังไม่ได้มีการประกาศเคอร์ฟิว อย่าเพิ่งไปตื่นเต้นหรือตกใจ เพราะเป็นเพียงแนวความคิดเท่านั้น แต่ถ้าจะพิจารณาประกาศใช้เคอร์ฟิว หรือ การห้ามออกนอกพื้นที่ในยามวิกาล ก็จะพิจารณาเฉพาะบางพื้นที่บางเส้นทางเท่านั้น เพื่อให้ความปลอดภัยกับประชาชน ส่วนพื้นที่อื่นที่กองทัพสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ไม่ทำให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนมากจนเกินไป เพราะพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มันกว้างจะเอากำลังทหารลงไปจำนวนมากมันก็คงไม่มีทางเต็ม แต่คิดว่าขณะนี้มีกำลังพลเพียงพอต่อการปฏิบัติการ ทั้งนี้หากมีการประกาศใช้เคอร์ฟิวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในบางพื้นที่ หรือ บางเวลา ก็จะทำให้มีกำลังส่วนเหลือที่จะนำไปให้ความสำคัญกับพื้นที่ที่อ่อนไหวรอง ๆ ลงมาได้เท่านั้น เมื่อถามว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเสนอแนะให้ยกเลิกกฎหมายพิเศษในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และให้ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง อย่างเดียว และมาตรา 21
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทั้งกฎหมาย พ.ร.บ.ความมั่นคง และมาตรา 21 ทางกองทัพภาคที่ 4 ใช้อยู่ทั้งหมด รวมถึง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ได้นำมาใช้ด้วยเช่นกัน
อยากถามว่า พ.ร.บ.ความมั่นคง เพียงพอต่อการปฏิบัติงานหรือไม่ ซึ่งความจริงมันไม่เพียงพอ เพราะ พ.ร.บ.ความมั่นคง มีจุดอ่อน หรือ น้อยกว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คือความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน พ.ร.บ.ความมั่นคง จะต้องประกาศพื้นที่ และระยะเวลาที่ชัดเจนแน่นอน ส่วนจุดอ่อนอีกอันหนึ่ง คือ เวลาสงสัยพื้นที่ไหนมีการซ่องสุม หรือ พื้นที่ไหนมีอาวุธร้ายแรง หรือมียาเสพติด หรือมีอะไรที่เป็นส่วนสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดเหตุร้ายในพื้นที่เราไม่สามารถเข้าไปตรวจค้นได้ทันที ถ้าใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง จะต้องขอหมายศาล รวมถึงตำรวจ แต่ถ้าเป็น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะเข้าไปทำงานได้ทันถ่วงทีตามสิทธิ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยกองทัพป้องกันทุกอย่างที่จะทำให้เกิดความโปร่งใส เพื่อให้ความปลอดภัยกับประชาชนโดยรวม เมื่อถามว่า มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นั้น
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ได้มีการติดต่อประสานงานกัน ส่วนจะมาถามว่าการทำงานของ ศอ.บต. เป็นอย่างไร ทางกองทัพบกคงตอบไม่ได้
ดังนั้นต้องไปถาม ศอ.บต.เองดีกว่า ส่วนกำลังทหารที่ลงไปจะปฏิบัติในพื้นที่ก็เป็นงานในลักษณะการรับผิดชอบในเขตพื้นที่ โดยกองทัพภาคที่ 1 รับผิดอบในพื้นที่ จ.นราธิวาส กองทัพภาคที่ 2 รับผิดชอบ จ.ปัตตานี และ กองทัพภาคที่ 3 รับผิดชอบในพื้นที่ จ.ยะลา ส่วนรอยต่อก็มีการประสานงานกันอย่างแน่นแฟ้นเพื่ออุดช่องโหว่ทั้งหมด
“ทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาจากกองทัพภาคที่ 1 – 2 – 3 และกองทัพเรือส่วนหนึ่ง ซึ่งการปฏิบัติการไม่ใช่เฉพาะทหารในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 เพียงอย่างเดียว เพราะมีไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ทั้งนี้กำลังพลที่ลงไปในพื้นที่ได้มีการฝึกอบรม และเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นในพื้นที่ ทั้งวัฒนธรรม ประเพณี และภูมิประเทศ และก่อนปฏิบัติงานจริงก็จะต้องลงไปทำความคุ้นเคยในพื้นที่ 2-3 เดือน ซึ่งเชื่อมั่นว่าเพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ส่วนที่มองว่าทำไมส่งกำลังพลไปปฏิบัติงานเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น ทางกองทัพบกก็ได้มีการพิจารณา และคิดว่ามาตรการที่ทำไปทั้งเรื่องการศึกษาพื้นที่ หรือ การทำความคุ้นเคย เป็นสิ่งที่ดีที่สุด และเราทราบดีว่าปัญหาในพื้นที่มันมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ดังนั้นทหารที่ลงไปทำงานตลอดวันตลอดคืนจะต้องมีความเครียดเกิดขึ้นดังนั้นระยะเวลา 1 ปีถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมมากที่สุดแล้วที่อยู่ในช่วงสดในการปฏิบัติงาน แต่จะให้อยู่ 2-3-4 ปี ก็สามารถทำได้ แต่มันไม่มีความสดเพราะอ่อนหล้ามันก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นมาตรการที่ทำอยู่ถือว่าเหมาะสมที่สุด” พ.อ.สรรเสริญ ระบุ