วันนี้ (2 ส.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย (รปท.)ได้โพสต์ข้อความลงในเฟสบุคส่วนตัว
โดยชี้แจงถึงสาเหตุการลาออกจากส.ส.ของนายพงษ์ศักดิ์ เรือนเงิน อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ใจความตอนหนึ่งว่า ไม่เคยปฏิเสธความจริง ถ้าทุกคนอยากรู้ความจริงก็พร้อมจะพูดให้ฟัง อย่างที่คนเขาว่า "สิ่งที่ยากมากคือการพูดความจริง แต่สิ่งที่ยากยิ่งกว่าคือการฟังความจริง" ขอเรียนตามตรง ทุกๆคนคงทราบว่าตนทำงานด้วยตัวคนเดียวอย่างยากลำบาก ตั้งแต่ประชาชนเลือกเข้ามาเป็น ส.ส. ได้ออกมาตีแผ่ในหลายๆเรื่อง อย่าลืมว่าพรรคของผมมี ส.ส. แค่ 4 คน แถม 2 คน ก็ทรยศผมไปแล้ว คือ นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์และนายโปรดปราน โต๊ะราหนี ทั้งๆที่ตอนหาเสียงทำให้ทุกอย่าง ออกเงินให้ทุกบาท ซื้อให้แม้กระทั่งบุหรี่
นายชูวิทย์ ระบุด้วยว่า เข้าใจดีว่าอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรคและการทำงานเป็นงานที่เสี่ยง
ทุกครั้งที่ออกมาตีแผ่ความจริงอาจจะทำให้เกิดอันตรายที่ตามมา ไม่มีใครอยากมาได้รับผลกระทบหรือพูดง่ายๆ ไม่มีใครอยากเอาชีวิตมา "เสี่ยง" ด้วย สำหรับ นายชัยวัฒน์ นายโปรดปราน มีความใฝ่ฝันที่อยากจะมีเงิน อยากได้งบประมาณ ใฝ่ฝันที่จะมีบ้านหลังใหญ่โต รถหรูราคาแพง และเงินก้อนโตที่จะทำให้พวกเขาและครอบครัวสุขสบาย รู้สึกเสียใจและขอยอมรับกับทุกคนว่าเป็นความผิดของตนเอง ต้องขอโทษประชาชนที่เลือกเข้ามา ทั้งๆที่บางคนยังไม่รู้จักผู้สมัครคนอื่นๆของพรรคเสียด้วยซ้ำ ขอโทษที่เอาคนแบบนี้มาลงสมัครในพรรคให้ประชาชนเลือก
“เมื่อเขาทั้ง 2 คนได้เข้ามาเป็น ส.ส. ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ใช่คนที่ผมเคยรู้จัก นายชัยวัฒน์ไม่เคยมาพบผม ไม่แม้แต่จะมองหน้าผมเวลาเจอกันที่สภาและพยายามทำทุกวิถีทางที่จะจัดสรรงบประมาณโดยไม่เคยบอกให้ผมรับรู้ นายโปรดปรานก็เช่นกัน มันเป็นสิ่งที่ผมยอมรับไม่ได้ ทุกๆคนยอมรับไม่ได้ และแน่นอนบางเรื่องเรื่องมันผิดกฎหมายอย่างชัดเจน เมื่อผมได้รู้ความจริงจากคนอื่นในสิ่งที่พวกเขากำลังทำ ผมจึงเรียกพวกเขามาตำหนิ จนกระทั่ง2คนนี้ยื่นหนังสือขอลาออกไปในที่สุด”นายชูวิทย์ ระบุ
นายชูวิทย์ ยังระบุด้วยว่า จาก ส.ส. ที่มีทั้งหมด 4 คน
คนหนึ่งต้องหลีกหนีความเสี่ยงและเดินตามความฝันของตัวเอง อีก2คนเข้ามาเป็น ส.ส. ไม่ได้มีความตั้งใจจะมาทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง สุดท้ายเหลือแค่คนเดียวที่ต้องเดินหน้าสู้ต่อไป ไม่เสียใจ และไม่เคยถอยจะทำหน้าที่อย่างที่ตั้งใจและเต็มใจที่จะทำ หวังแค่ว่าซักวันหนึ่งเมื่อถึงเวลา จะมีโอกาสได้กลับไปเป็นคนธรรมดาไม่มีตำแหน่งหน้าที่อะไร ใช้ชีวิตตามปกติทั่วไปอย่างคนอื่นเขา แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้นจะทำหน้าที่ในวันนี้ให้ดีที่สุด