พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยคณะกรรมการสอบสวนขอชี้แจงหลังจากที่เป็นข่าวเรื่องการใช้เอกสารทางทหารของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเอกสารที่ตนมีอยู่มีต้นขั้วที่ทำให้รู้ถึงความเป็นมาว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไรบ้าง โดยมูลเหตุที่มาชี้แจงในวันนี้มาจากการที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ทำหนังสือมาถึงตน เนื่องจากมีนายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้ดำเนินการร้องเรียนตนไว้กับทางผู้ตรวจการแผ่นดิน และทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้ทำหนังสือมาถึงตน ตนจึงได้ส่งเอกสารข้อเท็จจริงทั้งหมดไปให้ โดยให้ตนดำเนินการตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ใช้เอกสารเท็จจริงในการบรรจุและแต่งตั้งยศ ทั้งนี้ขอยืนยันว่าตนไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะได้ดำเนินการตามขอบเขตของกระทรวงกลาโหม และจากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างที่ประกอบด้วยเอกสารทางราชการพยานบุคคลผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และผู้ที่ได้ดำเนินการด้วยตนเองได้ดำเนินการสอบสวนไว้หมดแล้ว
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2529 นายอภิสิทธิ์ได้ลงบัญชีขอขึ้นทหารกองเกินตามแบบสด.1 และรับแบบสด.9 ตามหมายเรียกการเกณฑ์ทหารสด. 35 เมื่ออายุเกณฑ์ 21 ปี จะต้องมารับใบเกณฑ์ทหารในปีต่อไปนั้นก็คือวันที่ 7 เม.ย. 2530 โดยใบสด.9 เป็นเอกสารจริง เนื่องจากมีใบสด. 1 ยืนยันว่าถูกต้องทุกอย่าง ต่อมาวันที่ 19 มี.ค. 2530 ทางโรงเรียนนายร้อยจปร.เสนอเรื่องของบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการในโรงเรียนนายร้อย จปร.ผ่าน เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ได้สมัครเข้ารับราชการทหารในช่วงนั้นแล้ว แต่วันที่ 31 มี.ค. 2530 กรมสารบรรณทหารบกได้ตรวจสอบหลักฐานเอกสารการบรรจุนายอภิสิทธิ์ ปรากฏว่าหลักฐานไม่ครบ จึงได้ทำเรื่องกลับไปโรงเรียนนายร้อยจปร. เพื่อขอเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องหลักฐานการเกณฑ์ทหาร (สด.43) ต่อมาเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2530 นายอภิสิทธิ์ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร แต่ไม่ได้มาเกณฑ์ทหารหรือเรียกว่าหนีการเกณฑ์ทหาร ทางสัสดีได้ลงในหลักฐาน สด. 16 ถือว่าเป็นคนขาดการตรวจเลือกฯในแขวงคลองตัน ลำดับที่ 229 เลขที่สด. 43ที่675 หลังจากนั้นวันที่ 9 เม.ย. 2530 นายอภิสิทธิ์ได้เขียนใบสมัครเข้ารับราชการที่โรงเรียนนายร้อย จปร. แสดงว่าในช่วงนี้มีการสร้างหลักฐานเรียบร้อยแล้ว
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2530 มีหนังสือจากสัสดีกทม.รับรองว่านายอภิสิทธิ์มีชื่อเข้าบัญชีทหารกองเกินเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2525 และได้รับการผ่อนผันตามมาตรา 29 (3) เพื่อใช้เป็นเอกสารรับรองการบรรจุ ซึ่งเอกสารดังกล่าวชัดเจนว่าเป็นเอกสารที่ไม่อยู่ในระบบทางราชการ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการรับสมัครเข้าเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยจปร.หรือไม่นั้นตนไม่ทราบ แต่ถ้ามีการใช้หนังสือดังกล่าวขึ้นมา ตนบอกได้เลยว่าเป็นเอกสารที่ไม่อยู่ในระบบทางราชการ เนื่องจากพบข้อพิรุธหลายอย่าง ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2530 มีคำสั่งกลาโหมที่ 720/30 ลงวันที่ 7 ส.ค. 2530 บรรจุนายอภิสิทธิ์เป็นข้ารากชารกลาโหมพลเรือนตำแหน่งอาจารย์โรงเรียนส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยจปร. ต่อมาเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2531 มีการแจ้งว่าใบสด. 9 หาย และขอรับใบแทนฉบับที่ชำรุดเสียหาย โดยได้มีการบันทึกใหม่ว่าเข้าบัญชีทหารกองเกินลงวันที่ 8 เม.ย. 2531 ซึ่งไม่ตรงกับครั้งแรกที่นายอภิสิทธิ์มาลงบัญชีทหารกองเกินเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2529 ดังนั้นหลักฐานชิ้นนี้ชัดเจนเพราะมีต้นขั้วทั้งสองใบว่าลงวันที่ไม่ตรงกัน เหตุผลที่ต้องทำใบสด. 9 ใหม่ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการขึ้นทะเบียนเอกสารกองประจำการ (สด.3) เพราะหากมีการติดยศร้อยตรีแล้วนายอภิสิทธิ์ต้องขึ้นทหารกองประจำการเพื่อนับเวลาราชการ ซึ่งระเบียบดังกล่าวได้บังคับเป็นกฎหมาย ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่าถ้าใช้เอกสารสด. 9 ใบเดิมจะเห็นชัดว่าขาดการเกณฑ์ทหาร ต่อมาเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2531 นายอภิสิทธิ์ได้รับการแต่งตั้งเป็นว่าที่ร้อยตรีและขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการที่จ.นครนายก
“ในช่วงนี้นายอภิสิทธิ์ได้นำใบสด. 9 ซึ่งเป็นใบทดแทน ตรงนี้พิสูจน์ได้ว่าเป็นการใช้เอกสารที่ไม่อยู่ในระบบทางราชการ เรามีหลักฐานชัดเจนและระหว่างที่นาอภิสิทธิ์เข้ารับราชการและขอลาออกเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2532 นั้นถือว่านายอภิสิทธิ์เป็นทหารเพียง 1 ปีและในช่วงรับราชการได้ลาไปต่างประเทศ 3 ครั้ง ลากิจ 2 ครั้ง ลาไปราชการ 1 ครั้ง โดยอ้างว่าไปสอนหนังสือ ทั้งหมด 221 วัน มีวันทำงานรวมเพียง 35 วัน ตามระเบียบการลาของทางราชการสามารถลาได้เพียง 70 วันใน1ปีปฏิทิน”พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
เมื่อถามว่า หลังจากที่แถลงข่าวในวันนี้จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไปกรณีการหลีกเลี่ยงการเป็นทหารของนายอภิสิทธิ์ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนจะทำตามขอบเขตที่กระทรวงกลาโหมกำหนดไว้ว่ามีอะไรบ้าง เมื่อถามต่อว่า ข้อเท็จจริงเหล่านี้จะส่งให้กฤษฎีกาตีความหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ประเด็นที่เกี่ยวกับกฎหมาย ทางกรมพระธรรมนูญจะดูแลในส่วนนี้ หากมีข้อสงสัยก็จะไปปรึกษากับทางกฤษฎีกา หากปรึกษาเรียบร้อยแล้วก็จะรายงานให้ตนทราบเพื่อดำเนินการต่อไป
เมื่อถามว่า ข้อเท็จจริงออกมาอย่างนี้ผลที่จะตามมากับนายอภิสิทธิ์เป็นอย่างไร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า คงไม่ตอบในเรื่องอื่น ตนคงตอบได้เพียงในขอบเขตความรับผิดชอบของกระทรวงกลาโหมเท่านั้น ส่วนที่นอกเหนือจากนั้นเหนือการควบคุมของตนเอง
เมื่อถามอีกว่า ในส่วนของอำนาจรัฐมนตรีในเมื่อพบว่าเอกสารของอภิสิทธิ์สมัครเข้ารับราชการทางทหารไม่ถูกต้อง สามารถใช้อำนาจในการถอดยศและยึดเงินเดือนคืนได้หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ในส่วนนี้ทางกระทรวงกลาโหมกำลังดูอยู่ ซึ่งอาจจะไปปรึกษากฤษฎีกา แต่ก็เป็นเรื่องของกรมพระธรรมนูญที่จะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวนี้ในเรื่องเอกสารนั้นยังไม่หมดอายุความใช่หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ทางกรมพระธรรมนูญต้องดำเนินการชี้แจง ตนไม่ทราบเพราะไม่ได้จบกฎหมาย โดยหลังจากนี้กรมพระธรรมนูญจะดำเนินการชี้แจงอีกครั้ง
เมื่อถามต่อว่า เราสามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้ทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับนายอภิสิทธิ์ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เรื่องนี้มันลึกและนานมาก ซึ่งระบบการเกณฑ์ทหารตั้งแต่ปี 2497 ยังไม่มีคอมพิวเตอร์จึงได้ใช้เอกสารเป็นใบสำคัญสด.ต่างๆ มากมายจึงทำให้ยุ่งยาก แต่ถ้ามองอีกแง่หนึ่งใบสำคัญต่างๆเหล่านี้ก็เป็นหลักฐานการยืนยันตามขั้นตอนของการดำเนินการได้ เมื่อถามว่าจากผลการสอบสวนที่ผ่านมาทางกองทัพบกได้ดำเนินการลงโทษทหารนั้นจะเป็นการยืนยันหรือไม่ว่าทหารเหล่านี้เป็นคนทำเอกสารขึ้นมาเพื่อช่วยนายอภิสิทธิ์ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เป็นเรื่องของกองทัพบกที่ดำเนินการจบไปแล้วและเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นนานมาแล้ว ตัวละครต่างๆได้เสียชีวิตและได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ผ่านมา 25 ปีแล้ว น่าจะเกินอายุความ
ต่อข้อถามถึงกรณีที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์นำใบสด. 20 ของนายอภิสิทธิ์มาชี้แจงนั้นเป็นเอกสารจริงหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ แต่ว่าไม่มีการรับรองสำเนา ทั้งนี้ใบสด. 20 เป็นเอกสารทางราชการ นายอภิสิทธิ์จะถือเพียงอย่างเดียวคือใบสด. 41
เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์จะได้รับการลงโทษอย่างไรหรือไม่ และกรณีที่ขาดงานสอนจากโรงเรียนนายร้อยจปร. 200 กว่าวัน ต้องรับผิดชอบอย่างไร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เป็นเพียงข้อมูลที่ทางคณะกรรมการได้มีการตรวจสอบและมีผู้อนุญาตให้ลาเรื่องนั้นก็จบไป แต่ทั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าการที่นายอภิสิทธิ์เข้ามาเป็นอาจารย์ในโรงเรียนนายร้อยจปร.นั้นมีความรักทหารจริงหรือไม่ เพราะทำงานแค่ไม่กี่วัน แต่ลากิจเป็นจำนวนมาก เมื่อถามต่อว่า จะมีการทวงถามจริยธรรมคุณธรรมจากนายอภิสิทธิ์ หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนพูดเฉพาะในขอบเขตของตน เรื่องนั้นอยู่นอกเหนืออำนาจ
เมื่อถามว่าสรุปว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นโฆฆะหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า อะไรที่จบไปแล้วก็จบไป อะไรที่ยังไม่จบก็ไม่จบ เมื่อถามว่า การที่นำข้าราชการกระทรวงกลาโหมมาแถลงในครั้งนี้จะส่งผลต่อคดีความที่มีอยู่ในชั้นศาลที่บางฝ่ายจะนำไปใช้เป็นประโยชน์ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนพูดในขอบเขตของตนตามเอกสารข้อเท็จจริงที่มี เพราะสังคมมีความสงสัย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ตนต้องออกมาตอบโต้ แต่เรามีเอกสารครบเราก็ต้องพูดไปตามข้อเท็จจริง เพื่อตอบผู้ตรวจการแผ่นดิน