โดนข้อหาจับแพะคดีบึม เด้ง โกวิท เซ่น คมช.

โดนข้อหาจับแพะคดีบึม เด้ง ´โกวิท´ เซ่น คมช.


คดีลอบวางระเบิดใจกลางกรุงในวันส่งท้ายปีเก่า 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา กลายเป็นชนวนเขย่าเก้าอี้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.มาตลอด 1 เดือนเต็ม หลังจาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.และ ผบ.ทบ.ยื่นคำขู่หากเจ้าหน้าที่ตำรวจจับแพะคดีบึม ผบ.ตร.ต้องรับผิดชอบ

กระทั่งชุดสืบสวนคลี่คลายปมวินาศกรรมวันเคาต์ดาวน์ นำโดย พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ใช้กฎอัยการศึกเชิญตัวผู้ต้องสงสัยเป็นทหารและพลเรือน 19 คนไปสอบปากคำ แต่ไม่สามารถมีหลักฐานยืนยันได้ว่า ทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น จำเป็นต้องปล่อยตัวกลับ

เหมือนตอกย้ำอนาคตของ พล.ต.อ.โกวิท บนเก้าอี้ผู้นำตำรวจให้สั่นคลอนมากขึ้น แม้จะได้พยานหลักฐานใหม่พุ่งเป้าไปที่ขบวนการโจรก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นมาก่อเหตุก็ตาม


ปลดฟ้าผ่า ผบ.ตร.


ในที่สุดนายกรัฐมนตรีตัดสินใจลงนามคำสั่งเด้ง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร.แล้วเมื่อบ่ายวันที่ 5 ก.พ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 25/2550 ลงวันที่ 5 ก.พ. 50 เรื่อง ให้ข้าราชการมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2538 และมาตรา 72 (1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ

นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน และให้ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ที่ปรึกษา (สบ 10) เป็นผู้รักษาการราชการแทน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป


"เสรีพิศุทธ์" รักษาการแทน

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 17.15 น. ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับ พล.อ.พงศ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ถึงข่าวการสั่งย้าย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ว่า

เมื่อช่วงบ่าย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งให้ พล.ต.อ.โกวิทมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ที่ปรึกษา (สบ 10) รักษาราชการแทน

โดยเหตุผลของการสั่งย้าย เท่าที่เข้าใจเป็นการหารือร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรีกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.ที่ได้มีการหารือกันมาเป็นระยะมาตลอด ถือว่าเป็นการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา ซึ่งก็เป็นความเหมาะสม


โฆษกสำนักนายกฯย้ำไม่ใช่แพะ


ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ และรัฐบาลจะตอบสังคมอย่างไร เพราะอาจถูกมองว่าเป็นการหาแพะมาเซ่นเหตุการณ์ลอบวางระเบิด กทม. โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คงไม่ใช่อย่างนั้น ครั้งนี้เป็นการพิจารณาร่วมกันของหลายฝ่าย

ส่วนการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์ ลอบวางระเบิดเมื่อช่วงปลายปีก็ยังคงมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทุกฝ่ายยังเดินหน้าหาข้อมูลและสอบสวนกันอย่างเต็มที่ต่อไป เมื่อถามว่าอาจมีการมองว่า พล.ต.อ. โกวิทไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

ขณะที่ คมช.และรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ การดูแลรักษาความปลอดภัยของบ้านเมืองด้วยเช่นกัน ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า เรื่องนี้ก็เป็นความรับผิดชอบของทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาลและ คมช.ที่ดูแลด้านความมั่นคงต้องดูแลเรื่องความสงบเรียบร้อยของชาติบ้านเมืองร่วมกัน เรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้พยายามดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ ร้ายอย่างต่อเนื่อง


ไม่ส่งผลลบต่อรัฐบาล

ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า คำสั่งย้ายดังกล่าวคงไม่ส่งผลเป็นภาพลบต่อรัฐบาล แต่เป็นเรื่องความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ และไม่น่ามีผลกระทบนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างทหารกับตำรวจ เพราะทั้งทหารและตำรวจ เป็นข้าของแผ่นดินด้วยกันทั้งนั้น มีความสมัครสมานสามัคคีกัน

โดยเฉพาะในช่วงนี้ ที่ทุกคนต้องสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อชาติบ้านเมือง เนื่องจากมีปัญหาที่ต้องแก้ไขพร้อมๆกันหลายๆด้าน


"โกวิท" เก็บตัวเงียบ


ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากคำสั่งเด้ง ผบ.ตร.แพร่กระจายออกไป ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ไปทั่วหน่วยงาน บรรยากาศหน้าห้อง ผบ.ตร.ที่อาคาร 1 ชั้น 5 ตลอดบ่ายยันเย็นเต็มไปด้วยสื่อมวลชนทุกแขนงที่เฝ้าดักรอสังเกตการณ์และสัมภาษณ์ความรู้สึกอดีตผู้นำสีกากี

แต่ พล.ต.อ.โกวิท ยังคงปิดห้องเก็บตัวเงียบอยู่กับเพื่อนร่วมรุ่น นรต.22 อาทิ พล.ต.ท.ชัยยันต์ มะกล่ำทอง ที่ปรึกษา พล.ต.ท.ภิรมย์ บุญรอดพานิช ที่ปรึกษา และ พล.ต.ท.มาโนช ศัตรูลี้ ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. โดยมี พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช รอง ผบ.ตร. เดินเข้าไปสมทบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


บอกแค่ไม่มีอะไร

กระทั่งเวลา 18.40 น. พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ได้เดินทางออกจากสำนักงาน ผบ.ตร. ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดต่อคำสั่งเด้งฟ้าผ่าที่เกิดขึ้น ก่อนกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่มีอะไร ขอขอบคุณทุกคน วันพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน หลังจากนั้นจึงขอตัวขึ้นรถประจำตำแหน่งกลับออกไปพร้อม พล.ต.ท.มาโนช ศัตรูลี้ ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร.เพื่อนร่วมรุ่น


"อชิรวิทย์" ขอลาออก

พล.ต.อ.อชิรวิทย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้ยื่นใบลาออกกับ ผบ.ตร.แล้ว เพราะเรื่องนี้เคยพูดมาหลายครั้ง ที่อยู่ทุกวันนี้ด้วยมีความศรัทธาส่วนตัวกับ พล.ต.อ.โกวิท ก่อนหน้าสมัยตนเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. ก็มีความคิดจะลาออก

แต่ พล.ต.อ.โกวิทให้อยู่ช่วยงานขอร้องไว้ถึง 2 ครั้งจึงรับปาก ถึงวันนี้ทุกอย่างจบแล้วขอทำตามเจตนารมณ์ที่วางไว้แต่ต้น "เมื่อไม่มี ผบ.โกวิท ก็ไม่มีอชิรวิทย์ ผมไม่จำเป็นต้องอยู่ทำงาน มันหมดพันธสัญญาที่เคยผูกพันแล้ว

ต่อจากนี้จะทำตามความประสงค์ของตัวเอง ตระเวนสอนหนังสือ เขียนหนังสือ ทำในสิ่งที่อยากทำ เพราะเหนื่อยมามากแล้ว และยิ่งรู้สึกเหนื่อยเมื่อเห็นคำสั่งที่ออกมา ไม่เคยคิดว่าจะมีการโยกย้ายนายตำรวจที่ดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติออกไป" พล.ต.อ.อชิรวิทย์ระบายความรู้สึก


ระบุเป็นคำสั่งของผู้มีอำนาจ


ส่วนข้อถามที่ว่า คำสั่งปลด ผบ.ตร.มาจากการประเมินผลของ กอ.รมน.หรือไม่ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่ได้ออกคำสั่ง เป็นคำสั่งของผู้มีอำนาจ ตนเป็นแค่ รอง ผบ.ตร.

เมื่อนายที่เคารพรัก หมดวาระ จบก็จบ ไม่มีอะไร เรื่องคำสั่งย้าย ผบ.ตร.ก็ไม่มีความคิดเห็นอะไร ใครมีอำนาจก็ทำได้ เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ยังไม่เห็นคำสั่ง เห็นแต่สำเนาคำสั่ง


เปิดใจก่อนเด้งไม่กี่ชั่วโมง

ก่อนหน้าที่ได้รับคำสั่งปลดจากตำแหน่ง ผบ.ตร. ไม่กี่ชั่วโมง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เพิ่งให้สัมภาษณ์พิเศษสถานีโทรทัศน์ไอทีวีว่า ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในตำแหน่ง ผบ.ตร. ได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ยึดถือในสิ่งที่ดี อะไรที่ดีที่ถูกต้องตามกฎหมาย ให้ความเป็นธรรมกับลูกน้อง กับเรื่องต่างๆ ยึดถือตรงนี้มาตลอด

และที่ยังเหลือเวลาอีก 7 เดือน ก็จะทำสิ่งที่ดีที่สุด และจะพยายามทำให้เต็มที่ จากประสบการณ์ในอาชีพตำรวจมากกว่า 40 ปี เห็นว่าอาชีพนี้เหมือนเป็นอาชีพที่ถูกสาป เพราะอยู่บนความคาดหวังของสังคมและความต้องการที่หลากหลายของผู้บังคับบัญชา แม้จะพยายามใช้ความเป็นธรรมและความเสมอภาคในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว


ตำรวจเหมือนต้องคำสาป

"กว่าคนจะรู้ว่าเราเป็นคนดี กว่าจะรู้ว่าตำรวจเหน็ดเหนื่อยมันเหนื่อยจริงๆ กว่าจะได้แต่ละเรื่อง คนดีๆ กว่าจะทำให้สังคมเห็นต้องใช้เวลา ส่วนทำอย่างไรจะทำให้ล้างคำสาปนี้ได้ ทุกคนต้องช่วยกันและทำให้เต็มที่ กว่าจะรู้ว่า ผู้กองเป็นคนดี ผู้กำกับเป็นคนดี เขาย้ายแล้ว ไปแล้ว ความดีมันช้ากว่าจะพิสูจน์ กว่าจะอะไร คือตำรวจต้องคำสาป ทำดีคนไม่ค่อยเห็น" พล.ต.อ.โกวิทกล่าว


อยู่ในสภาพน่าชื่นอกตรม

พล.ต.อ.โกวิทกล่าวด้วยว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปี 4 เดือนที่อยู่ในตำแหน่ง ผบ.ตร. ชาติเต็มไปด้วยความรู้สึกที่กดดัน ต้องอยู่ในสภาพที่เหมือนคนหน้าชื่นอกตรม

แต่สิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจที่สุดคือ การได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างไร ก็ตาม ฝากถึงเพื่อนๆและน้องๆข้าราชการตำรวจว่า ให้ยึดมั่นในความดี ความซื่อสัตย์สุจริตและมีคุณธรรม แม้จะต้องอยู่ในสภาพหน้าชื่นอกตรมก็ตาม


แฉการเมืองกดดันคดีบึม


อดีต ผบ.ตร.ยังกล่าวถึง การสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมาว่า ตำรวจ ทุกคนพยายามค้นหาหลักฐานทั้งพยานวัตถุและพยานบุคคลเต็มที่

ทุกขั้นตอนสามารถพิสูจน์ได้ เพราะมีระบบตรวจสอบตลอดเวลา แต่ความยากของคดีนี้อยู่ที่ประเด็นทางการเมืองที่พยายามกดดันการทำหน้าที่ของตำรวจ

"ความจริงแล้วเราทำงานกันมาตลอดทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจนครบาล สันติบาล สอบสวนกลาง มีพยานหลักฐานที่ได้จากที่เกิดเหตุ พยานบุคคลอะไรทั้งหลายแหล่งตรวจสอบและดำเนินการไปเรื่อยๆ

เมื่อมีพยานหลักฐานชัดเจนว่า ผู้ใดเข้ามาเกี่ยวข้องถึงจะอยู่ในขั้นตอนขอศาลอนุมัติออกหมายจับ เมื่อพยานหลักฐานยังไม่ครบถ้วนยังไปไม่ได้ ผู้ต้องสงสัยยังไม่เจอ จะไปจับในกระดาษได้อย่างไร ไม่ได้ ต้องมีการสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจน"


รักษาการ ผบ.ตร.ลุยทันที

ด้าน,font color=red> พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ที่ปรึกษา (สบ 10) ที่เพิ่งมีคำสั่งให้รักษาการแทนตำแหน่ง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ขอกราบขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่กรุณาให้ปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ตร. สำหรับภารกิจที่จะทำ อย่างที่ทราบ

ปัจจุบันภาพพจน์ของตำรวจขาดความเชื่อถือจากประชาชน ต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ วิธีการบริหารจัดการต่างๆมีอยู่มากมาย เริ่มต้นจะดำเนินการภารกิจเร่งด่วนที่สำคัญ คดีระเบิดใน กทม. เมื่อคืนสิ้นปี และคดีระเบิดสำนักพิมพ์เดลินิวส์ การเผาโรงเรียนหลายจังหวัดทั่วประเทศ การดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ภาคใต้ และการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เรื่องอบายมุข ผู้อิทธิพลต่างๆ


เตรียมทำความเข้าใจลูกน้อง

รักษาการแทน ผบ.ตร.กล่าวว่า ก่อนดำเนินการเรื่องต่างๆจะทำความเข้าใจกับผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นในวันที่ 6 ก.พ.นี้ โดยจะเรียกประชุมรอง ผบ.ตร.ลงมาถึงผู้บังคับบัญชาหน่วยขึ้นตรง เพื่อทราบว่าในเบื้องต้นจะดำเนินการอะไรก่อน

จากนั้นจะเรียกประชุมผู้บังคับบัญชาหน่วยทั้งหมด เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์บริหารจัดการ ให้เป็นไปตามระบบอย่างแท้จริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการทาบทามมาก่อนหรือไม่

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ไม่มีการทาบทามมาก่อน ถ้าเผื่อในระดับรอง ผบ.ตร. หรือเทียบเท่า ผมก็อาวุโสอันดับหนึ่ง เราก็มีเกียรติยศมีชื่อเสียง ผลงาน เป็นที่ทราบ ผู้บังคับบัญชาก็ให้ความไว้วางใจ

ถามว่า หนักใจกับปัญหาในขณะนี้หรือไม่

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ไม่หนักใจอะไร บางทีปัญหาในขณะนี้จะเกิดขึ้นมามากมายด้วยกัน เป็นปัญหาไม่ปกติ หลังจากการปฏิรูปการปกครองมา เป็นการต่อสู้ระหว่างเก่ากับใหม่ แต่เราเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ต้องดำเนินการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย


เร่งสางคดีระเบิดกรุง


ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า คดีลอบวางระเบิดจะสามารถมั่นใจได้หรือไม่ว่าจะจับคนร้ายได้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ต้องขอหารือกับรอง ผบ.ตร.ก่อน เพราะที่ผ่านมาเป็นที่ปรึกษา ไม่ได้เข้าไปยุ่งกับการสืบสวนสอบสวน ถ้าเข้าไปอาจมีการเคลือบแคลงสงสัยว่า เข้ามาทำไม เพราะไม่ได้มีหน้าที่ที่จะรับผิดชอบ

แต่เมื่อมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงแล้ว วันที่ 6 ก.พ. จะเรียกคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีนี้มาสอบถามว่า มีการดำเนินการอย่างไรไปบ้างแล้ว คงไม่ไปรีบเร่ง ก้าวก่ายใคร ต้องฟังปัญหาก่อนว่าเป็นอย่างไร

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้จะมีการเปลี่ยนหัวหน้าทีมสืบสวนคดีระเบิด กทม.หรือไม่

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ขอตอบ เพราะต้องลงไปฟังข้อมูล ข้อเท็จจริงก่อนว่า ที่ผ่านมาถูกทิศทางหรือผิด


ยังไม่เปลี่ยนแปลงอะไร

"เดี๋ยวก็จับได้ ขอให้ไปฟังครั้งเดียว คงจะพูดให้เข้าใจว่า เบื้องต้นมีคำสั่งอะไร ให้ถือปฏิบัติไปตามนั้นก่อนจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าเรื่องตำแหน่งหน้าที่การงาน ใครรับผิดชอบอะไรให้ดำเนินการไปตามนั้น

แล้วจะสอบถามทีละเรื่องว่าใครรับผิดชอบดำเนินการอย่างไร มีการนัดพบคณะทำงานคดีต่างๆต่อไป แต่ยังไม่มีการกำหนดกรอบเวลาทำงานในคดี ขอหารือก่อน ทำเท่าที่ผมจะทำได้ จะไม่กดดัน ปล่อยให้ทุกคนทำตามหน้าที่" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว


อยากให้รักสามัคคี

ต่อข้อถามว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บังคับบัญชาระดับล่างที่ไม่เข้าขาหรือสอดคล้องการทำงานหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า อยากให้เพื่อนข้าราชการตำรวจมีความเข้าใจ

เมื่อตนมีโอกาสรับใช้บ้านเมืองในตำแหน่งนี้ จะทำให้ดีที่สุด อยากให้ข้าราชการตำรวจทุกคนมีความรัก ความสามัคคีกัน อย่าไปแบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งรุ่นแบ่งสีแบ่งสถาบันทั้งสิ้น ให้บริหารจัดการ ให้ดำเนินการด้วยความสุจริตยุติธรรม อย่าวิตกกังวล

แต่การจัดการทั้งหลายต้องมีเหตุมีผล สามารถตอบคำถามของสังคมได้ ไม่ใช่ว่าจะคิดจะทำอะไรก็ลุแก่อำนาจตามอำเภอใจ ไม่คำนึงถึงระเบียบกฎหมาย จนถูกฟ้องหน้าฟ้องหลัง เด้งหน้าเด้งหลัง อย่างนี้มันไม่ถูกต้อง ไม่ต้องห่วงตนบริหารจัดการด้วยเหตุด้วยผล


พวกนอกแถวระวังเจ็บ


ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะปฏิบัติกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่นอกแถวอย่างไร รักษาการแทน ผบ.ตร. ตอบว่า

"ก็เจ็บตัว ไม่มีปัญหา ปกครองตำรวจไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าให้ความสนใจกันหรือเปล่า ไม่ต้องตกอกตกใจ ผมขึ้นมาก็ขอให้อยู่กันแบบพี่น้อง ให้ทำหน้าที่ของตำรวจที่รักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปีมหามงคล 80 พรรษา ต้องมาช่วยกันทำความดี ช่วยกันรักษาและปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด"


นักเลงอิทธิพลเตรียมตัว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังกล่าวถึง การแก้ปัญหาในสถานการณ์ทางภาคใต้ด้วยว่า ยังไม่เคยลงไปดู แต่ได้ฟังข่าวอยู่ สอบถามจากตำรวจในพื้นที่ที่เป็นลูกน้องสมัยเคยอยู่ สภ.อ.นาแก จ.นครพนม ด้วยกัน พบที่ผ่านมาเป็นฝ่ายตั้งรับ ถ้าตั้งรับไม่มีทางสำเร็จ

เพราะฉะนั้น ตนจะไปหารือกับนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายให้ชัดเจน อย่าเป็นฝ่ายตั้งรับ แม้เรื่องผู้หญิงในพื้นที่ปิดล้อมโรงพักให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาก็ไม่ถูกต้อง ต้องถามนโยบายจากรัฐบาลให้ชัดเจน จะได้มาวางแผนดำเนินการ

"ยังไงต้องรุก ผมไม่เคยเป็นฝ่ายรับ ผมทำงานไม่เคยตั้งรับ ผมเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น จะบู๊ล้างผลาญอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น นักเลง ผู้มีอิทธิพลทั้งหลายเตรียมตัว ตำรวจเกียร์ว่าง ต้องระวังตัว" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ย้ำเสียงหนัก


พลิกปูม "โกวิท-เสรีพิศุทธ์"

ประวัติ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เกิดที่ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา จบ นรต.รุ่น 22 รับราชการครั้งแรกตำแหน่งประจำ บช.น. ก่อนย้ายเป็น ผบ.มว.กอ.สอ.ตชด. (ค่ายนเรศวร) ใช้ชีวิตราชการอยู่ที่ ตชด.ยาวนาน 20 กว่าปี

จนได้รับความไว้วางใจให้เป็น ผบช.ตชด. เมื่อปี 37 แล้วขยับเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. และก้าวขึ้นนั่ง ผบ.ตร.คนที่ 4 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อปี 47 ต่อจาก พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ส่วน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เกิดที่ กทม. จบ นรต.รุ่น 24 เป็นรอง สว.ประจำ บช.น. แล้วย้ายเป็น ผบ.หมวด สภ.อ.เมืองนครพนม สวญ.สภ.อ.นาแก จ.นครพนม รอง ผกก.ภ.จ.มุกดาหาร เป็นรอง ผบก.ภ.2 จ.ชลบุรี

เมื่อปี 33 เลื่อนขึ้นเป็น ผบก.ป.เพียง 4 เดือนเกิดเปลี่ยนแปลงรัฐบาลสมัย รสช. จึงถูกย้ายไปช่วยราชการ บช.ภ.2 จากนั้นโยกย้ายอีกหลายตำแหน่ง ก่อนขยับเป็น ผบช.ก.เมื่อปี 40 ถัดมาอีกปีขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. และ จเรตำรวจแห่งชาติ ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ต.ค.49 เพิ่งถูก พล.ต.อ.โกวิท ลดบทบาทปรับเปลี่ยนให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 10)


ชี้ปม "เด้ง" เพราะแข็งกร้าว


มีรายงานข่าวถึงเหตุผลการปลด พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ออกจากเก้าอี้ ผบ.ตร. หลายคนให้ความเห็นว่า น่าจะเกิดจากกระแสความไม่พอใจของ คมช. นับตั้งแต่เข้ายึดอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49

โดยยื่นหอกให้ พล.ต.อ.โกวิทนั่งเป็นประธาน ก.ตร. มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับนายพลได้เต็มที่ ด้วยความหวังว่าจะมีการล้างบางนายพลตำรวจในระบอบทักษิณ

แต่ พล.ต.อ.โกวิท กลับแสดงจุดยืนอันแข็งกร้าวไม่ยอมแตกหัก ส่งผลให้ คมช.เริ่มไม่พอใจนโยบายการบริหารของ พล.ต.อ.โกวิท ที่ยังอิงขั้วอำนาจเก่าอยู่ หากทว่า คมช.ยังให้โอกาสนั่งเก้าอี้เพราะเห็นเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 6 ด้วยกัน


เหตุบอมบ์ส่งท้ายปีเร่งชนวน

อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวการโยกย้าย ผบ.ตร.ยังมีอยู่เป็นระยะๆ และเริ่มส่อเค้าความเป็นจริงมากขึ้น หลังจากเหตุการณ์ระเบิดใจกลางกรุงเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นจังหวะที่ พล.ต.อ.โกวิทเดินทางไปราชการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้พอดี จึงถูกมองว่าปล่อยปละละเลยให้มีการก่อวินาศกรรมวางระเบิดถึงในพื้นที่เมืองหลวงจนมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

แม้ พล.ต.อ. โกวิท จะกลับมาตั้งหลักพยายามสร้างมวลชนและวางมาตรการป้องกันรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แต่ เสมือนฟางเส้นสุดท้ายใกล้จะขาดเต็มที


ขึ้นเขียงเซ่นรับผิดชอบ

จวบจนกระทั่งชุดคลี่คลายคดีระเบิด กทม.ใช้กฎ อัยการศึกเชิญตัวนายทหารและพลเรือน 19 คน มาสอบปากคำในฐานะผู้ต้องสงสัยเหตุลอบวางระเบิดที่เกิดขึ้น ส่งสัญญาณให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. แสดงความไม่พอใจถึงขนาดประกาศว่า

หากมีการจับแพะ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ต้องรับผิดชอบ ก่อนที่ พล.อ.สนธิจะออกมายืนยันด้วยว่า ไม่น่ามีทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง ผลสุดท้าย ตำรวจชุดคลี่คลายคดีของ พล.ต.ท. ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ต้องปล่อยนายทหารและพลเรือนทั้งหมดเพราะขาดพยานหลักฐานเอาผิด

ก่อนจะมีการเบี่ยงเบนประเด็นผู้ต้องสงสัย ไปในเรื่องขบวนการก่อการร้ายทางภาคใต้ขึ้นมาก่อเหตุตามหลักฐานเทปวงจรปิดที่ทีมสืบสวนนครบาลแกะรอยมาตั้งแต่เริ่มต้น

พิสูจน์ให้เห็นว่า ทีมตำรวจชุดแรกเดินแนวผิดแถมส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ของวงการทหาร พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ จึงต้องรับผิดชอบตามที่ประธาน คมช.เคยเปรยไว้ก่อนหน้านี้


ทีมสืบคดีบึมหยุดกึก


ส่วนความคืบหน้าการติดตามตัวนายถวัลย์ศักดิ์ แปแนะ นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้ต้องหาคดีวางระเบิดตามหมายจับ สภ.อ.เบตง จ.ยะลา ที่อาจมีส่วนพัวพันคดีระเบิดศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ถนนศรีนครินทร์ เมื่อวันส่งท้ายปี 49

มีรายงานว่า พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าทีมสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมเรียกประชุมคณะทำงานสืบสวนทั้งหมดเมื่อตอนบ่ายวันเดียวกัน

แต่ต้องมีการแจ้งยกเลิกกะทันหัน ในทันทีที่ทราบข่าวปลด พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. น่าเชื่อว่า คณะทำงานอยู่ระหว่างรอดูนโยบายของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการแทนตำแหน่ง ผบ.ตร.อีกครั้ง


รมว.ยุติธรรมมึนข่าวรั่ว

นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบวางระเบิด 9 จุดใน กทม. และ จ.นนทบุรี ว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่าการตรวจสอบภาพผู้ต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิด ที่ส่งไปตรวจสอบยังต่างประเทศนั้น อาจจะรู้ผลได้ในสัปดาห์หน้า ผู้สื่อข่าวถามว่า

กรณีที่มีการเผยแพร่ภาพผู้ต้องสงสัยออกไปนั้น อาจจะทำให้การทำงานยากขึ้นหรือไม่ รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องถามเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานว่าการทำงานมีความยากลำบากมากขึ้นหรือไม่ และไม่ทราบว่าภาพออกจากหน่วยงานใด

ถามว่าการคลี่คลายคดีนี้ ทางกระทรวงยุติธรรมได้หารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติบ้างหรือไม่ รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้หารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พูดคุยกันเป็นประจำอยู่แล้ว


ยังไม่โอนเป็นคดีพิเศษ

นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบโทรทัศน์วงจรปิดที่ได้จากศูนย์การค้าซีคอนสแควร์เพื่อเร่งสืบหาตัวคนร้าย การสืบสวนยังไม่นิ่ง จะใช่หรือเปล่ายังไม่ทราบ

ส่วนกรณีการเผยแพร่ภาพของผู้ต้องสงสัยออกไปนั้น คงทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ยากขึ้น สำหรับการโอนคดีนั้นเห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องรีบนำเข้าเป็นคดีพิเศษ ควรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำงานไปก่อน

อย่างไรก็ตาม ตนเตรียมเข้ารายงานความคืบหน้ากับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ในเร็วๆ นี้ ส่วนที่เกรงกันว่า พยานหรือผู้เห็นเหตุการณ์ที่ออกมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่จะได้รับอันตรายหรือถูกข่มขู่นั้น ก็สามารถมาร้องขอเพื่อให้คุ้มครองพยานได้

ขอขอบคุณ : ข้อมูลที่มีคุณภาพ

จาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์