วันนี้ (16 ก.ค.) เวลา 09.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี
กล่าวถึงการปรับกำลังเจ้าหน้าที่และทหารบริเวณพื้นที่ชายแดนปราสาทเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ตามคำสั่งของศาลโลก ว่า ต้องถามความคืบหน้าจาก พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุมเตรียมการร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพ เพื่อหาจุดพอดีที่เหมาะสมให้เราไม่เสียเปรียบหรือได้รับความเสียหาย ตนเชื่อมือ ผบ.สส.และผบ.ทบ.ไม่ยอมเสียดินแดนเด็ดขาด
เมื่อถามว่าหากถอนทหารออกมาจะนำกำลังส่วนใดเข้าไปเสริม
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ทาง รมว.กลาโหมจะชี้แจงต่อไป ตนคิดว่าอาจจะส่งกำลังตำรวจตระเวนชายแดน เข้าไปประจำการแทน โดยตั้งใจจะให้ดูแลลักษณะหลุมต่อหลุม ตัวต่อตัวอยู่ในที่ตั้งเดิมของทหาร ต่อข้อถามว่ามีเสียงวิจารณ์ว่า เหตุใดเราต้องลดกำลังทหาร ทั้งที่เป็นพื้นที่ของไทย พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เขาไม่ได้บอกลดกำลัง แต่ไม่อยากให้มีกำลังทหารไปเผชิญหน้ากัน อยากให้มีกำลังที่ไม่ใช่ทหารเข้าไปดูแลแทน ส่วนพื้นที่บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระนั้น ส่วนใหญ่คนไทยไม่เข้าไปอยู่ แต่กัมพูชาพยายามที่จะอพยพเข้ามา และติดต่อขอซื้อบ้านของคนไทยอีกด้วย แต่ยังถือเป็นพื้นที่ที่เราควบคุม และเมื่อถึงเวลาก็ต้องเจรจาขอให้ถอนออกไป ซึ่งอยู่ระหว่างกระทรวงกลาโหมดำเนินการอยู่
เมื่อถามว่าจะต้องให้ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นชาติเป็นกลางเข้ามาร่วมเป็นสักขีพยานอยู่หรือไม่
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ศาลโลกระบุว่าต้องการให้อินโดฯเข้ามาเป็นพยานการดำเนินการทั้งหมด แต่ทั้งไทยและกัมพูชายังไม่ได้ร้องขอ แต่บางครั้งก็เห็นว่าดีหากอินโดฯจะเข้ามาเพราะหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิดจะได้อ้างเป็นพยานได้ ยกตัวอย่าง การวางกับระเบิด ซึ่งทำให้ทหารเราบาดเจ็บเสียขาไปสองราย และพิสูจน์ได้ว่าเป็นกับระเบิดที่เพิ่งวางใหม่ ไม่ใช่สมัยสงครามภายในของกัมพูชา เป็นต้น หากมีพยานก็ฟ้องได้ว่ามีการทำผิดกฎหมาย..