เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า กรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชาเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยได้มีการพบปะกับนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา แต่ที่สำคัญคือ การที่นายกรัฐมนตรีไปร่วมลงนามกับฝ่ายกัมพูชา ในข้อตกลงการถอนทหารออกจากพื้นที่เขตปลอดทหารในปราสาทพระวิหารและบริเวณโดยรอบ ซึ่งตนไม่ขัดขวางถ้าการถอนทหารทำได้จริงทั้ง 2 ฝ่าย แต่ตนไม่แน่ใจว่ากัมพูชาจะยอมถอนทหารออกจากพื้นที่นี้จริงหรือไม่ เพราะสมัยที่ตนเป็นเลขานุการรมว.ต่างประเทศ การถอนทหารของกัมพูชาคือการนำทหารไปเปลี่ยนชุดสวมเสื้อผ้าเป็นพลเรือนเท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วต้องเป็นการถอนทหารออกไปแล้วให้เจ้าหน้าที่อุทยานหรือตำรวจเข้าไปแทน และต้องถอนทหารออกจากแนวเขตสันปันน้ำและแนวภูเขาใกล้ปราสาทพระวิหารทั้งหมด
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสังเกตว่าการถอนทหารครั้งนี้ดูง่ายเกินไป เพราะก่อนหน้านี้ สมเด็จฯฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ไม่เคยมีท่าทียินยอมในเรื่องนี้ ตนเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่คณะผู้แทนไทยซึ่งนำโดยนายพิทยา พุกกะมาน ผู้ช่วยรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 36 เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.– 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งฝ่ายไทยยินยอมให้กัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรรมการมรดกโลก ในปี 2556 และฝ่ายไทยยอมรับเป็นรองประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้กับกัมพูชาด้วย ซึ่งถือเป็นการไม่รักษาศักดิ์ศรีของประเทศและทำลายการต่อสู้กับของรัฐบาลที่ผ่านมา รวมถึงละทิ้งโอกาสที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ เพราะประเทศไทยจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว เนื่องจากไทยจะหมดสมาชิกภาพในคณะกรรมการมรดกโลกในปีหน้า โดยเรื่องนี้จะมีผลต่อการตัดสินคดีกรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งตนไม่อยากคิดว่าผลการตัดสินจะเป็นอย่างไร