ที่รัฐสภา พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ เปิดเผยเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมถึงกรณีการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญม. 291 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองตามมาตรา 68 หรือไม่ว่า
ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วยหลักนิติศาสตร์ และอยากให้มองในหลักรัฐศาสตร์ด้วย ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหา ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับ ส.ส. ส.ว.416 คนที่โหวตรับหลักการในวาระ 1 และ 2 นั้น ตนรู้สึกไม่สบายใจที่ทำตามขั้นตอนของรัฐสภาและครรลองประชาธิปไตยแล้วมาเกิดปัญหาเช่นนี้
อีกทั้ง ในเรื่องผลการตัดสินของศาลนั้น ตนได้ยินมาว่าจะเกิดการไม่ยอมกันในเรื่องคำตัดสินทั้งผู้เสียประโยชน์ และได้ประโยชน์ ดังนั้น การตัดสินจึงต้องคิดว่าทำอย่างไรให้เกิดการลอมชอมทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ส่วนที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีคาดการณ์ว่า ไม่ว่าจะตัดสินอย่างไร ก็ต้องเกิดความรุนแรง จึงขอให้ศาลยุติการวินิจฉัยนั้นพล.อ.สนธิกล่าวว่า ทุกองค์กรควรมีส่วนร่วมนำพาสังคมสู่ความปรองดอง ดังนั้น การตัดสินจะไปสนับสนุนว่าข้างใดถูกข้างใดผิดไม่ได้
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้ เพื่อตัดตอนการพิจารณา ร่างพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ที่มีเนื้อหาละเมิดอำนาจตุลาการ พล.อ.สนธิตอบว่า พ.ร.บ.ปรองดองมีต้นแบบจากนโยบาย 66/23 ที่ให้อภัยกัน และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมกันใหม่ แต่คดีอาญายังอยู่ ส่วนเรื่องเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ก็เคยพูดกันในสภาฯแล้วว่า ตกเป็นเงินแผ่นดินแล้วเอาคืนไม่ได้
“ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับประธานสภาฯในเรื่องการถอนร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯออก เพราะเมื่อร่างกฎหมายเข้าสภาฯไปแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับสภาฯ หากมองว่าสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่อำนวย ก็เลื่อนออกไปก่อนได้ อีกทั้ง ยังยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาล้มล้างอำนาจตุลาการ แต่เราต้องมองเรื่องการให้อภัย ความสงบเรียบร้อยของประเทศ อย่าไปมองจะเอาชนะคะคานกัน ส่วนข่าวที่ว่าผมจะได้รับตำแหน่งรองนายกฯเป็นรางวัล หากเรื่องนี้สำเร็จ ผมไม่เคยคิดที่จะขออะไรจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าไม่มีใครติดต่อทาบทามให้ไปเป็นรัฐมนตรีหรือตำแหน่งอะไรในรัฐบาล” พล.อ.สนธิกล่าว