วงค์ ตาวัน
กลายเป็นคำถามของคนทั่วบ้านทั่วเมืองว่า ศุกร์ 13 กรกฎาคมนี้ จะเป็นศุกร์ 13 ฝันหวาน หรือศุกร์ 13 สยดสยองกันแน่ จะนำมาสู่เหตุการณ์ระอุอ้าวไปทั้งเมืองอีกหรือไม่
จะได้เห็น "เจสัน" เดินถือเลื่อยยนต์เลือดท่วมกันหรือเปล่า!?
ทางออกง่ายๆ ก็คือ ถ้าเป็นไปด้วยความเที่ยงธรรม มีเหตุผลอธิบายได้ชัดเจน จะให้ออกด้านไหน ก็ยากจะจุดไฟติด
แต่ถ้าผลออกมาแบบไม่มีเหตุมีผล ก่อให้เกิดเงื่อนงำในสายตาคนส่วนใหญ่ อันนี้แหละน่าเป็นห่วง
จึงไม่ควรย้อนกลับไปสู่คำว่า 2 มาตรฐานอีก!
เบื้องหน้ายังไม่มีใครรู้อะไรที่แน่ชัด
แต่หลายวันที่ผ่านมา ในการไต่สวน มีนักคิดทางการเมืองหลายคนบอกว่า ไม่น่าเชื่อที่สังคมไทยเรายังมีคนคิดคับแคบล้าหลังขนาดนี้อยู่อีก
ยังมีกลุ่มคนที่หลงตนเอง หลงว่าดีเฉพาะกลุ่มตัวเอง
ยังไม่ยอมรับว่าอำนาจการเมืองควรไปอยู่ในมือประชาชนผ่านการเลือกตั้ง
แสดงตัวตนพิทักษ์อำนาจล้าหลังขุนศึกขุนนาง
ต่อต้านระบบรัฐสภาและการเลือกตั้ง ไม่เห็นด้วยให้เติบโตมีเสรีภาพ
ชาวบ้านดูการเบิกความทางทีวียังคุยขำกันว่า คนร่วมรัฐประหาร ชี้นิ้วด่านักการเมืองจากการเลือกตั้งของประชาชนว่า ล้มล้างการปกครอง!?
คนที่เคยทำตัวคลุกคลีชาวบ้าน ลึกๆ แล้วก็คงหมิ่นแคลนว่าพวกนี้ก็แค่เหยื่อซื้อเสียงของนายทุนทักษิณ
เลือกจะอิงกลุ่มก่อรัฐประหาร ร่วมกอดท็อปบู๊ต อำนาจนอกระบบอื่นๆ เพื่อกดข่มพรรคการเมือง
ในทุกหน้าประวัติศาสตร์การเมืองของประชาชน จะจารึกบุคคลที่น่ารังเกียจ แอบอิงอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชนเอาไว้เสมอๆ
ใครจะเลือกให้จารึกแบบไหนก็ตามสะดวก!
อันที่จริง การยื่นร้องว่าการแก้รัฐธรรมนูญเข้าข่ายล้มล้างการปกครองนั้นก็แค่เทคนิคทางกฎหมาย
ข้อเท็จจริงเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายที่ปกป้องรัฐธรรมนูญที่ตีกรอบควบคุมอำนาจของพรรคการเมืองที่เลือกตั้งจากประชาชน
กับอีกฝ่ายที่ต้องการแก้เพื่อเปิดกฎกติกาให้อำนาจจากฝ่ายเลือกตั้งมีมากขึ้น
ไม่ได้ล้มล้างประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแน่
ที่กลัวจะถูกล้มล้าง
ก็คือกลไกอำนาจที่ไม่เคยยึดโยงกับประชาชนเท่านั้นแหละ!