พนัสฟันธงศาลรธน.ตัดสินแรงถึงยุบพรรค

พนัสฟันธงศาลรธน.ตัดสินแรงถึงยุบพรรค


       รายการคม-ชัด-ลึก จัดถก "ศุกร์ 13 อาถรรพ์การเมืองไทย" อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์มธ. คาดศาลรธน.วินิจฉัยออกแรงขั้นยุบพรรค "เสรี"อดีตสสร.เชื่อจะมีทางออกที่ดีสังคมยอมรับได้ ด้าน ตลก.รธน.เผยยังไม่เรียกถกวันอภิปรายลงมติ

       9ก.ค.2555  รายการคม-ชัด-ลึก ตอน : ศุกร์ 13 อาถรรพ์การเมืองไทย โดยมีผู้ที่เข้าร่วมรายการ ประกอบด้วยนายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 อดีตสภาสมาชิกร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 , นายคมสัน โพธิ์คง อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ และอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิการ

             นายพนัส กล่าวว่า ตนเชื่อว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในเรื่องออกมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว และส่วนตัวคาดว่าผลที่จะออกมา คือ ความผิดแรงที่สุด โดยจะมีคำสั่งให้หยุดดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามาตรา 68 และอาจจะมีคำสั่งยุบพรรคตามออกมาด้วย เพราะถ้าหากศาลใช้ประเด็นเรื่องมาตรา 68 ในสิ่งที่ตนคาดคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามการวินิจฉัยเรื่องนี้่มีด้วยกัน 3 ทาง คือ 1. ยกคำร้อง 2. วินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ดำเนินการมานั้น ไม่สามารถดำเนินการได้ และ 3. การวินิจฉัยตามที่สิ่งที่ตนได้คาดเดาเอาไว้ เพราะตนเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ทางมีทางเลือกอื่น ซึ่งตรงนี้เราคงจะต้องรอเหตุผลที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีเหตุในการออกคำวินิจฉัยที่จะออกมาอย่างไร       

             นายเสรี  กล่าวว่า ส่วนตัวแล้ว ตนไม่รู้ว่ามติที่จะออกมาเป็นอย่างไร แต่หากเราดูตามสถารการณ์และดูจากปัญหาที่เกิดขึ้น ตนเชื่อว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูฯจะต้องมีความระมัดระวังในการหาเหตุผลขึ้นมาอ้างอิง และเมื่อคำวินิจฉัยออกมาแล้วในที่สุดสังคมจะต้องยอมรับได้ เนื่องจากคำว่าศาลนั้นมันมีเกราะป้องกันตัวเอง และหากศาลวินิจฉัยตามมาตรา 68 แล้ว ศาลอาจจะมีคำสั่งยุบพรรคก็ได้ ไม่ยุบพรรคก็ได้ เพราะในรัฐธรรรมนูญได้ใช้คำว่าอาจจะ เพราะมาตรา 68 นั้น ไม่มีได้เขียนล็อคไว้เหมือนในมาตรา 237 ที่ระบุว่าหากพบมีการกระทำความผิดแล้ว หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคจะต้องมีความผิดด้วย

             "ตอนนี้เราสามารถคิดกันได้หลายทาง แต่ในที่สุดกระบวนการของการร่างรัฐธรรมนูญจะขัดหรือไม่ขัดรัธรรมนูญหรือไม่นั้น ก่อนอื่นตอนนี้เราต้องยอมรับว่าเราอยู่เพียงขั้นตอนในวาระที่สองเท่านั้น ซึ่งเรายังไม่รู้เลยว่าในวาระที่สามจะผ่านหรือไม่ผ่าน ซึ่งหากอาจจะในวาระที่สามก็ได้ แต่หากเข้ามีความผิดจริงตามาตรา 68 ก็อาจจะจะไม่เข้าข่ายล้มล้าง และศาลอาจจะมีคำสั่งให้หยุดการดำเนินการเท่านั้น เรื่องนี้ผมคิดว่าทางออกในปัญหาดังกล่าวยังพอมีอยู่ แต่ตอนนี้กระแสสังคมมีการวิพากษ์ วิจารณ์กันไปก็อาจจะตามกันไป แต่สิ่งสำคัญในเรื่องนี้ คือ ตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีอคติไม่ได้ ความจะชอบหรือไม่นั้นสามารถมีได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องของปุถุชน แต่เมื่องมาสวมบทเป็นตุลาการแล้ว จะมีอคติไม่ได้ ทุกอย่างจะต้องยึดความถูกต้อง และยืนอยู่บนฐานของเหตุและผล " นายเสรี กล่าว   

             เมื่อถามว่า 3 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญ สมควรจะถอนตัวจากการเป็นองค์คณะหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ตนของถามว่าตุลาการทั้งสามคนนั้นมีความเป็นการกลาง และมีอคติหรือเปล่า ซึ่งหากคิดว่าตนเองมีความเป็นกลาง และมีใจเป็นธรรม ตนก็เห็นว่าก็ไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนตัวแล้วในเรื่องเกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญนั้น ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะตนเห็นว่าคนที่มความเกี่ยวข้องกับรัฐธรมรนูญแล้ว ก็ไม่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับประเด็นในเรื่องที่มีการพิจารณาในเรื่องนี้

             นายคมสัน กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าการเรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญทั้งสามคนถอนตัวจากองค์คณะพิจารณานั้น ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเรื่องนี้มันคนละส่วนกัน และไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เพราะหากเรียกร้องให้ตุลาการถอนตัวเพราะเกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญ อย่างนั้นส.ส.อีกหลายคงจะมาเกี่ยวข้องกับพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญได้เช่นกัน เพราะหากเรื่องนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน มีความเกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญแล้วจะทำอย่างไร คำร้องนี้จะต้องถูกยกใช่หรือไม่ เพราะไม่มีใครจะมาสามารถพิจารณาได้

             นายคมสัน กล่าวอีกว่า สำหรับผลที่จะออกมาในเรื่องนี้ ตนไม่สามารถที่จะฟันธงได้ว่าจะออกมาในรูปแบบใด เพราะการที่จะไปฟันธงในตอนนี้ ตนเห็นว่ามันจะเร็วเกินไป ถึงแม้ว่าศาลน่าจะมีการเขียนคำวินิจฉัยเอาไว้บางแล้วก็ตาม แต่ก็จะมีเขียนจนเป็นคำวินิจฉัยสุดท้ายแน่น เพราะในวันที่ 11 ก.ค. ยังต้องมีการแถลงปิดคดีอีก   และศาลจะต้องรอฟังเหตุการของการแถลงปิดคดีของศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง แล้วนำมาสรุปเพื่อออกคำวินิจฉัยสุดท้าย

             "ในที่สุดแล้วศาลมีทางเลือกในการออกคำวินิจฉัยใน 3 ทาง คือ 1. ยกคำร้อง 2. ศาลมีคำสั่งให้หยุดการกระทำธรรม แล้วมีสั่งให้ยุบพรรค 3. ให้หยุดการกระทำ แล้วไม่มีคำสั่งไม่ยุบพรรค ซึ่งในประเด็นที่สามดังกล่าวนี้ ก็มีความเป็นไปได้ในประเด็นทางการเมือง เพราะเจตนาของผู้ที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจจะไม่มีเจตนาถึงขั้นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามในที่สุดแล้วผมไม่รู้ว่าจะมีคำวินิจฉัยในเรื่องนี้อย่างไร" นายคมสันกล่าว


ตลก.รธน.เผยยังไม่เรียกถกวันอภิปรายลงมติ

             ขณะที่แหล่งข่าวจากคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ  เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้มีการประชุมหรือนัดวันประชุมเพื่ออภิปรายนำไปสู่งการลงมติ ซึ่งโดยปกติจะเป็นการประชุมในเช้าของวันที่นัดฟังคำวินิจฉัย แต่ระหว่างนี้ตุลาการฯแต่ละคนจะใช้เวลาในการศึกษา พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งตุลาการฯแต่ละคนก็จะต้องเขียนคำวินิจฉัยส่วนตน ก่อนที่จะไปอภิปรายฯ ด้วยวาจาและลงมติ  จากนั้นก็จะมีการจัดทำคำวินิจฉัยกลางก่อนที่จะออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย โดยกระบวนการทั้งหมดจะกระทำในวันที่ 13 ก.ค. เพียงวันเดียว

             ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าศาลรัฐธรรมนูญควรหยุดการพิจารณาเพราะไม่ว่าจะวินิจฉัยออกมาทางใดก็จะเกิดรุนแรงนั้นคณะตุลาการฯเห็นว่าคงไม่สามารถหยุดการพิจารณาวินิจฉัยได้  เพราะได้กำหนดวันนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 13 ก.ค.ไว้แล้ว โดยในวันดังกล่าวต้องมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนที่มีการคาดการณ์ผลการวินิจฉัยต่างๆนั้น ตนมองว่าก็เป็นเพียงความเห็นภายนอก เพราะการพิจารณาก็จะดูตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวน สำหรับแนวทางคำวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะออกมาแนวทางใดก็ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมคณะตุลาการฯว่ามีคำวินิจฉัยอย่างไรก่อน และต้องพิจารณาว่า ถ้าจะชี้แนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ถูกต้องจะถือว่าเป็นการทำเกินกว่าที่กฎหมายหมายกำหนด หรือเกิดจากคำขอหรือไม่


"อุดมเดช”แจงมีชื่อเป็นแคนดิเดตรมว.สธ.ไม่ใช่เรื่องดี

             นายอุดมเดช  รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวกรณีที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในการปรับครม.ยิ่งลักษณ์ 3 ว่า ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนทราบข่าวจากสื่อมวลชน ทั้งนี้การที่มีชื่อว่าจะไปแทนใครนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะคนที่ดำรงตำแหน่งอยู่ส่วนใหญ่ก็อยากจะอยู่ในตำแหน่งต่อ ดังนั้นการที่มีชื่อออกมาอาจจะทำให้เกิดการขุ่นเคืองกันเองได้ ตอนนี้ยังไม่ทราบอะไร เป็นเพียงแค่การวิเคราะห์กันเท่านั้น


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์