เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น
นายศักดา อ้อพงษ์ ประธานกลุ่มมวลชนคนรักประชาธิปไตยขอนแก่น ได้จัดให้มีประชุมสัมมนา “วันสถาปนาสมาพันธ์ยุวประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น” ซึ่งมียุวชนเข้าร่วมงานประมาณ 300 คน และสมาชิกคนเสื้อแดงขอนแก่นเข้าร่วมงานประมาณ 400 คน โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธิเปิด และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ดร.สุทิน คลังแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ แกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ นายจักริน พัฒน์ดำรงจิตร ส.ส.ขอนแก่น เป็นวิทยากรกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบัน และนายธนวัฒน์ พลอยโสภณ รอง ผวจ.ขอนแก่น เข้าร่วม โดย พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ภ.จว.ขอนแก่น ประมาณ 100 คน มารักษาความสงบเรียบร้อย
รศ.ดร.วรเจตน์ กล่าวบนเวทีโดยสรุปว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันผ่านมา 2 วาระ กำลังรอผ่านวาระที่สาม
ได้มีการเบรกโดยศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐธรรมนูญแก้ไขได้ยากมากเพราะกลุ่มคนที่มีผลประโยชน์ได้จากรัฐธรรมนูญไม่ยอมให้แก้ เพราะเขาสามารถอยู่ในอำนาจรัฐได้ยาวนาน ดังนั้นฝ่ายที่กุมอำนาจอยู่โดยมาจากรัฐธรรมนูญย่อมไม่ต้องการให้มีแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 อย่างแน่นอน
ด้านนายณัฐวุฒิ ในฐานะแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวโดยสรุปบนเวทีปราศรัยว่า
ปัจจุบันสถานการณ์บ้านเมืองของเราอยู่ในความสนใจของคนทั้งประเทศ คนทั่วโลกให้ความสนใจอีกจำนวนมากว่าเมืองไทยเกิดอะไรขึ้น เพราะศาลรัฐธรรมนูญ ประชาชนพึ่งพาได้ยากมาก และความรู้สึกประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าศาลฯพยายามจะโค่นล้มประชาธิปไตย และพรรคเพื่อไทยโดยตลอดเวลา ขอบอกว่าคนเสื้อแดงได้ถูกสถานการณ์การเมืองที่ถูกพรรคฝ่ายตรงข้ามกลั่นแกล้ง อำมาตย์ย่ำยี ทำให้หล่อหลอมรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว เข็มแข็งขึ้น ดังนั้นหลังจากวันศุกร์ที่ 13 ก.ค.เป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแก้หรือไม่แก้รัฐธรรมนูญ ปี 2550 ไม่ว่าผลคำวินิจฉัยออกมาแบบไหน ตนเชื่อว่าขบวนการประชาชนจะต้องมีความเคลื่อนไหว พร้อมกับมีมาตรการ มีวิธีการต่างๆ ออกมาแสดงความรู้สึกของประชาชน ถ้าศาลวินิจฉัยออกมาให้เป็นบวก ว่า รัฐธรรมนูญสามารถเดินหน้าได้ เราต้องเคลื่อนไหวเพื่อนำหน่วยงานที่รุกล้ำเกินเข้ามาให้กลับเข้าที่เข้าทางให้หมด และคนพวกนี้ออกไปอย่ามายุ่งกับการเมืองในสภาอีกเลย
“สถานการณ์การเมืองไทยขณะนี้ มีมิติใหม่ที่ใหญ่มากกว่ารัฐบาลจะอยู่รอดหรือไม่รอดมาก ใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญจะแก้ไขได้หรือไม่มาก ใหญ่กว่าจะยุบพรรคได้หรือไม่มาก และเรื่องนี้เป็นการทำให้ประเทศไทยอยู่ในภาวะไร้รัฐธรรมนูญ เมื่อไม่มีรัฐธรรมนูญไม่มีนิติรัฐ ไม่มีนิติรัฐไม่มีนิติธรรม ไม่มีนิติธรรมความอยุติธรรมก็ไม่มี เมื่อไม่มีความอยุติธรรมความห่างไกลกับประชาธิปไตยก็มีมากเหลือเกิน คนเสื้อแดง ประชาชนคนไทยที่ต้องการประชาธิปไตยต้องมั่นคงในหลักการ และต้องเข้มแข็งผ่านบทพิสูจน์ของศาลรัฐธรรมนูญบทสุดท้ายไปให้ได้ สถานการณ์ในประเทศของเรายุคต่อๆไปยิ่งอันตรายมาก”
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ตอนนี้คงได้เห็นว่าเป็นบทสุดท้ายที่พรรคประชาธิปัตย์เหลือเล่น คือ
เครื่องมือสุดท้ายด้วยการใช้กลไกตุลาการออกแอ๊กชั่นเต็มๆ ตั้งแต่ต้นยกในการที่ศาลรัฐธรรมนูญออกมาหาเหยื่อด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก ซึ่งอธิบายว่าหนทางของคู่ต่อสู้รัฐบาลน้อยลงๆทุกที ถ้าศาลรัฐธรรมนูญทำไม่ได้ ระบบตุลาการทำไม่ได้ ซึ่งไม่รู้ว่าจะมาในระบบไหนอีก ก็ขอให้คนเสื้อแดงยืนให้มั่นรักษาสมดุลระหว่างอำนาจรัฐกับฝ่ายพลังประชาชนที่มีอำนาจอธิปไตยไว้ให้ได้ พร้อมกับผนึกความสามัคคีไว้จะทำให้ฝ่ายอำมาตย์ และพรรคประชาธิปัตย์จะต้องทุรนทุรายให้ได้ ขอยืนยันว่าหลังวันที่ 13 ก.ค.เป็นต้นไป คนเสื้อแดงมีกิจกรรมให้ประชาชนคนส่วนมากได้เคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยอย่างแน่นอน