วันนี้ิ (3 ก.ค.) ที่ลานหน้าห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว พรรคเพื่อไทยจัดปราศรัยครั้งที่ 5
ภายใต้หัวข้อ "ทำไมต้องแก้รัฐธรรมนูญ 50 ทำไมต้องปรองดอง" แกนนำกลุ่ม นปช.และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยสลับขึ้นปราศรัยต่อเนื่อง ขณะที่ประชาชนก็ทยอยเดินทางมาฟังปราศรัยต่อเนื่องท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมานานกว่าครึ่งชั่วโมง จนเต็มพื้นที่ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและแกนนำ นปช. ปราศรัยว่า รัฐบาลดำเนินการแก้รัฐธรรมนูญและมีกฎหมายปรองดองตามนโยบายที่แถลงต่อสภา แก้รัฐธรรมนูญให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย ใครมีปัญหามีความเห็นอย่างไรก็เสนอต่อ ส.ส.ร. แต่ยังไม่ทันมีเลือกตั้ง ส.ส.ร.พรรคประชาธิปัตย์และพวกก็ร้องคัดค้านด้วยข้อกล่าวหาไร้สาระว่าล้มล้างระบอบการปกครอง เปลี่ยนโครงสร้างประเทศเป็นระบอบประธานาธิบดี แล้วศาลรัฐธรรมนูญก็รับไว้ ศาลรัฐธรรมนูญกำลังล้มล้างการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยที่แบ่งแยกอำนาจออกเป็น 3 ฝ่าย คือ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ จะเป็นกบฏโดยไม่รู้ตัวหรืออย่างไร นี่เป็นความผิดอาญาที่ต้องถูกยื่นถอดถอน ศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะปล้นอำนาจไปจากประชาชนอีกครั้ง ซึ่งยอมไม่ได้อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสินอย่างไร เราจะเดินหน้าเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน
ต่อมานายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ปราศรัยว่า เราไม่จำเป็นเดินทางไปศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 5-6 ก.ค.
เพราะเรามีเกียรติยศและจิตใจที่มีความยุติธรรมพอ ไม่ต้องเดินทางไปขอความเมตตาจากคนที่ไม่มี วันที่ 23 ก.ค.นี้ศาลอาญาจะมีคำวินิจฉัยเรื่องถอนประกันตนหรือไม่ แต่ไม่รู้ว่าระหว่างวันที่ 5-8 จะเกิดอะไรขึ้นก่อน แต่ 20 วันที่เหลือจากนี้จะเดินสายสู้ทุกที่ทุกทาง นายจตุพร ปราศรัยต่อว่า ระยะทางต่อไปนี้เป็นสถานการณ์ที่สำคัญ ไม่รู้ว่าวันนี้ใครไปวางแผนเหมือนการยุบพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชาชนหรือไม่ แต่วันนี้ทหารไม่กล้ายึดอำนาจเพราะรู้ว่าเราจะสู้ จึงต้องใช้กลไกพิเศษที่เรียกว่า "อมาตยาภิวัฒน์" มันกำลังออกฤทธิ์กับทุกองค์กรเพราะมั่นใจว่าทำอะไรก็ได้ จึงจำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญ 50 เพราะคนในองค์กรอิสระมาจากเครือข่ายอำมาตย์ วันที่ 5-6 ก.ค.ขอให้พี่น้องติดตามการแถลงข่าวทางช่องเอเชียอัพเดท
และขอให้พี่น้องเก็บเสื้อผ้าเตรียมใจเตรียมกายให้พร้อมเพื่อรักษาประชาธิปไตย ใจนี้จะไม่ยอมจำนนพ่ายแพ้ต่อความอยุติธรรม
ขอสัญญาใจ 1 ข้อไม่ว่านายจตุพร จะอยู่ในคุก ในโลง ขอให้พี่น้องลุกขึ้นมาต่อสู้กับความอยุติธรรมจนกว่าจะได้รับชัยชนะ จากนั้นเวลา 21.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำ นปช. ปราศรัยว่า วันที่ 5-6 ก.ค.ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่รัฐบาลและสภาจะเดินหน้าต่อไป เราจะไม่ยอมรับเพราะการรับคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญเป็นการกระทำตามอำเภอใจ ไม่ได้ยึดข้อกฎหมาย ไม่เข้าด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และรัฐธรรมนูญให้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติเสนอแก้ไข
ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญไม่มีสิทธิ์มาชี้ว่าเราผิดหรือถูกเพราะศาลทำผิดมาแต่ต้น เราจะไม่ยอมให้ล้มรัฐบาลที่มาจากฉันทานุมัติประชาชนอีกแล้ว "ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเอาชุดแดงมาใส่และกวัดแกว่งธงรบ เพราะขณะนี้มีขบวนการคนหน้าเดิม ฉายหนังเรืองเดิมเรื่องพิฆาตประชาธิปไตย เราจะสยบให้กับอำนาจอยุติธรรมไม่ได้" นายณัฐวุฒิ กล่าว .