3 ก.ค.55 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวกรณีที่ในวันที่ 5-6 ก.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญ
จะมีการไต่สวนทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องในคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่ว่า ฝ่ายที่มีหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริงก็ต้องทำตามหน้าที่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้เตรียมการอะไรมากมาย แค่พูดความจริงให้ชัดเจนว่ากระบวนการการแก้ไขรับธรรมนูญครั้งนี้ ดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมาย เพราะเป็นการทำตามนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ทั้งนี้ยิ่งใกล้วันไต่ส่วนตนยิ่งรู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่า ประชาชนทั้งประเทศจะได้เห็นความจริงทั้งหมด และเชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศจะเลือกยืนข้างรัฐบาล ยืนข้างความถูกต้องตามกฏกติกาของบ้านเมือง เพื่อทำให้บ้านเมืองนี้มีทางรอด เพราะหากคนในสังคมยอมก้มหัวให้กับอำนาจนอกกติกา วิกฤติที่มีอยู่แล้วก็จะเป็นวิกฤติที่ไร้ทางออก
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผลการไต่ส่วนออกมาปรากฏว่าเป็นไปในทางลบ จะดำเนินการอย่างไร
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนยืนยันมาตลอดว่าปัญหาใหญ่ของเรื่องนี้คือศาลรัฐธรรมนูญได้ทำในสิ่งที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นกระบวนการต่าง ๆ ที่ผ่านมา ตั้งแต่ศาลได้รับเรื่องไว้พิจารณาและออกคำสั่งจนกระทั่งนำมาซึ่งการไต่สวนและวินิจฉัย ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น ซึ่งเราคงต้องมีกระบวนการต่อสู้กันทั้งในทางกฎหมายและในทางอื่นตามช่องทางที่เปิดให้ทำได้ อย่างไรก็ตามหากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าศาลและกระบวนการที่อยู่เบื้องหลัง ได้ต้อนเอาประชาชนที่รักความถูกต้องรักควายุติธรรมทั้งประเทศมายืนข้างรัฐบาล เชื่อว่ารัฐบาลจะเข้มแข็งขึ้นไม่ว่าผลตัดสินจะออกมาเป็นบวกหรือลบก็ตาม ส่วนในวันที่ 5-6 ก.ค.นี้ ที่ศาลจะไต่สวนนั้น กลุ่มคนเสื้อแดงจะไปชุมนุมกดดันศาลหรือไม่นั้นคงไม่ต้องไปดีกว่า ให้ติดตามสถานการณ์จากสื่อต่าง ๆ ซึ่งแกนนำนปช.จะรวมตัวกันที่อิมพีเรียลเวิด์ล ลาดพร้าว หากมีความจำเป็นก็อาจจะมีการแถลงข่าวเป็นระยะ พี่น้องกลุ่มคนเสื้อแดงก็สามารถไปติดตามกันได้ที่นั่น
“หากดูรายชื่อทั้งผู้ร้องและพยานที่อ้าง ล้วนแต่เป็นกลุ่มคนพวกเดียวกันทั้งสิ้น บางคนก็ถอนตัวไป บางคนก็ออกหน้าเกินความสมควร ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็จะเพิ่มพยานขึ้นมาอีก ซึ่งรายชื่อพยานที่เพิ่มมานั้น เช่น นายสุรพล นิติไกรพจน์ นายแก้วสรร อติโพธิ ล้วนแล้วเป็นคนหน้าเดิมที่ขึ้นเวทีโค่นอำนาจอธิปไตยของประชาชนมาแล้วทั้งนั้น น่าสังเวชว่าพรรคการเมืองบางพรรคจะมีส้มหล่นจากสถานการณ์นี้อีก ผมเกรงว่าอาจจะไม่ใช่ส้มแต่จะเป็นทุเรียนทั้งลูกที่หล่น เพราะไม่มีประชาชนคนใดรับได้”นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า หากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่สามารถจะคานอำนาจกันได้รัฐาลควรที่ยุบสภาหรือไม่
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า รัฐบาลต้องรักษาอำนาจอธิปไตยของประชาชนไว้อย่างมั่นคง รัฐสภา รัฐบาลต้องเดินหน้า ถ้ายอมแพ้ง่าย ๆ เท่ากับว่าเอาอำนาจอธิปไตยของประชาชนมาเส้นสังเวยกับอำนาจนอกระบบ ตนคิดว่าเราต้องยืนเคียงข้างกัน ส่วนที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเราซื้อประชาธิปไตยด้วยราคาที่แพงมาก เพราะมีการเลือกตั้งใหม่หลายครั้ง ตนเห็นว่าพวกที่คิดคือคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้างกับระบอบประชาธิปไตย เพราะค่าใช้จ่ายทั้งงบประมาณ ชีวิต และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของประเทศ เกิดขึ้นจากขบวนการเหล่านี้ทั้งสิ้น หากเราเคารพในการใช้อำนาจของประชาชน สถานการณ์จะไม่เลยมาถึงขั้นนี้ ยืนยันว่าเราไม่ได้ตั้งพรรคใหม่แน่นอน มีแต่พรรคเพื่อไทยตัวจริงชัดเจน ยืนอยู่ข้างประชาชน ตนมั่นใจว่าประชาชนจะสนับสนุนอย่างมหาศาล และใครก็ตามที่จะโค่นล้มรัฐบาล จะยิ่งได้รับการต่อต้านจากประชาชนแน่ เพราะวิธีการที่ทำมันไม่ถูกต้อง