เทพไทออกโรงประณามแดง ป่วนกิจกรรมระดมทุน

วันนี้ (1 ก.ค.)ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท   เสนพงศ์  ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึง
 
กรณีที่คนเสื้อแดงปทุมธานีออกมาแสดงพฤติกรรมต่อต้านการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ จ.ปทุมธานี ที่ผ่านมาว่า พฤติกรรมเช่นนี้ควรที่จะได้รับการประณามจากสังคมไทย แต่คนในรัฐบาลโดยเฉพาะนายก่อแก้ว  พิกุลทอง  นายอนุสรณ์  เอี่ยมสะอาด รองโฆษกรัฐบาล และร.ท.สุนิสา   เลิศภควัต  รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กลับออกมาให้ท้าย ยุยงส่งเสริมให้คนเสื้อแดงในลักษณะปลุกปั่นให้กระทำต่อในสิ่งที่ผิดกฏหมายและละเมิดสิทธิของผู้อื่น  ซึ่งสวนทางกับแนวทางการปรองดองของรัฐบาล   เมื่อคนในรัฐบาลกับมีพฤติกรรมเช่นนี้  อยากถามว่า ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้อย่างไร  บ้านเมืองนี้เป็นของทุกคน ถ้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ไม่สามารถเดินทางลงพื้นที่ทำกิจกรรมการเมืองในพื้นที่จังหวัดต่างๆได้ แล้วน.ส.ยิ่งลักาณ์ ชินวัตร นายกฯจะมีสิทธิมากไปกว่าผู้นำฝ่ายค้านได้อย่างไร

 ถ้ามีกลุ่มคนที่ไม่พอใจ พ.ต.ท.ทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์  ได้ออกมาแสดงพฤติกรรมต่อต้านเหมือนคนเสื้อแดงทำอยู่ในขณะนี้แล้วชาติ บ้านเมืองจะเดินหน้าไปได้อย่างไร  ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่แสดงจุดยืนท่าทีในเรื่องนี้ให้ชัดเจน ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ก็อย่ามาโอดครวญจากสังคมก็แล้วกัน  ถ้าคิดว่าตัวเองอยู่ในอำนาจรัฐคุมทหาร ตำรวจและกลไกของรัฐไว้ในมือเพื่อค้ำบัลลังได้แล้ว ก็อย่าดูถูกพลังของประชาชนที่จะรวมตัวขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลที่ล้มเหลว ขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ


เทพไทออกโรงประณามแดง ป่วนกิจกรรมระดมทุน

ขณะส่วนในเรื่อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ในวันที่ 5-6 ก.ค.นี้

โดยมีการเสนอบุคคลเป็นพยานในชั้นการพิจารณาไต่สวน นายเทพไท  กล่าวถึงกรณีนี้ว่า  เป็นเอกสิทธิของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ที่จะนำเสนอพยานบุคคลขึ้นมาในชั้นนี้ได้  พรรคเพื่อไทยไม่ควรตั้งข้อรังเกียจนายอานันท์ ปันยารชุน   นายสมคิด เลิศไพฑูรย์  พล.อ.สมคิด บุญถนอม หรือบุคคลใดก็ตามที่ฝ่ายผู้ร้องเห็นว่าเป็นประโยชนต่อรูปคดี  ตามที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง  อดีตรักษาการณ์หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาโจมตีและพาดพิงศาลรัฐธรรมนูญในลักษณะปลุกระดมคน   เพราะขณะเดียวกันผู้ถูกร้องไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล  พรรคเพื่อไทย  พรรคชาติไทยพัฒนา ก็สามารถที่จะเสนอตัวบุคคลเพื่อเข้ามาเป็นพยานให้การต่อศาลได้เช่นเดียวกัน   ถ้าหากเห็นว่าบุคคลนั้นเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีของฝ่ายตัวเอง ก็ควรเสนอชื่อเข้ามา  ไม่ใช่ใช้พฤติกรรมดิสเครดิตฝ่ายตรงกันข้ามเช่นนี้                                       
           

อยากให้สังคมไทยจับตาดูขบวนการทำลายความน่าเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นขบวนการ นับตั้งแต่การดิสเครดิตศาลและพยาน  หรือการใส่ร้ายโจมตีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและการเคลื่อนไหวในลักษณะตีปลาหน้าไซของแกนนำพรรคเพื่อไทย อย่างนายจาตุรนต์ ฉายแสง  นายณัฐวุฒิ  ใสยเกื้อ  นายก่อแก้ว พิกุลทอง  ล้วนแล้วแต่เป็นการปลุกระดมมวลชนและกดดัน โดยการชี้นำถึงผลการวินิจฉัยล่วงหน้าของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ  โดยกล่าวอ้างว่าเป็น ตุลาการภิวัฒน์รอบสองบ้าง  รวมถึงการยุบพรรคเพื่อไทย  ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องในอนาคตที่ไม่มีใครคาดการณ์ได้   จึงอยากให้ทุกฝ่ายเคารพการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญและ ขอให้ศาลพิจารณาคดีไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฏหมาย โดยขอให้ตุลการศาลวางตัวเป็นคนหูหนวก ตาบอด ไม่ต้องหวั่นเกรงกระแสกดดันใดๆ

 นอกจากนี้  ส.ส.นครศรีธรรมราช  พรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงที่ ประธานสภามีแนวคิดที่จะถอนร่าง พรบ.ปรองดอง ออกจากวาระการประชุมสภาว่า 

เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายควรให้การสนับสนุนและทำเรื่องนี้ให้มีผลในทางปฏิบัติซึ่งจะเป็นการปลดล็อกความขัดแย้งในสังคมไทยได้ดีกว่าข้อเสนอของนายสามารถ แก้วมีชัย  กมธ.ปรองดอง ที่เสนอให้พรรคฝ่ายค้านเสนอร่าง พรบ.ปรองดองขึ้นมาประกบ เพื่อใช้ในการพิจารณาร่วมกับร่าง พรบ.ปรองดองที่ได้เสนอไปแล้ว
4 ฉบับนั้น   พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ที่จะเสนอร่างพรบ.ประกบ เพราะรัฐบาลไม่มีความจริงใจ  ให้ความสำคัญกับร่างของพรรคฝ่ายค้าน เพียงแต่ต้องการสร้างภาพให้เกิดความชอบธรรมในการพิจารณา พรบ.ปรองดองเท่านั้น      
                                             

พรรคประชาธิปัตย์รู้เท่าทันกลเกมทางการเมืองหมากนี้ของรัฐบาลดี  เราจะไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือที่จะสร้างความชอบธรรมในการผลักดันร่าง พรบ.ปรองดองเพื่อล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัต แน่นอน  เพราะรัฐบาลนี้มีธงตั้งแต่ต้นที่จะเอาพรบ. ปรองดองฉบับ พล.อ.สนธิ  บุญยรัตกลิน  มาเป็นร่างหลักอยู่แล้ว   เหมือนกับกรณีการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลแพ้มติพรรคฝ่ายค้านในชั้นกรรมาธิการ  แต่กลับใช้เสียงข้าง พลิกมติใหม่ โดยการเสนอโหวตลงมติใหม่อีกอย่างน่ารังเกียจ ที่ประเทศไหนก็ไม่ทำกัน   จึงไม่มีหลักประกันใดๆว่า  ถ้าพรรคฝ่ายค้านได้เสนอร่างพรบ.ปรองดองขึ้นมาประกบแล้ว จะได้รับการพิจารณาและให้ความสำคัญ   เพราะพฤติกรรมในอดีตของพรรคเพื่อไทยที่ใช้เสียงมากลากไป สามารถให้คำตอบกับพฤติกรรมในปัจจุบันและอนาคตได้  จึงยืนยันว่า พรรคจะไม่หลงกลตกเป็นเหยื่อหรือเครื่องมือฟอกผิดให้ตามที่รัฐบาลนี้ตั้งธงไว้แน่นอน


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์