ขณะส่วนในเรื่อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ในวันที่ 5-6 ก.ค.นี้
โดยมีการเสนอบุคคลเป็นพยานในชั้นการพิจารณาไต่สวน นายเทพไท กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เป็นเอกสิทธิของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ที่จะนำเสนอพยานบุคคลขึ้นมาในชั้นนี้ได้ พรรคเพื่อไทยไม่ควรตั้งข้อรังเกียจนายอานันท์ ปันยารชุน นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ พล.อ.สมคิด บุญถนอม หรือบุคคลใดก็ตามที่ฝ่ายผู้ร้องเห็นว่าเป็นประโยชนต่อรูปคดี ตามที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการณ์หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาโจมตีและพาดพิงศาลรัฐธรรมนูญในลักษณะปลุกระดมคน เพราะขณะเดียวกันผู้ถูกร้องไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ก็สามารถที่จะเสนอตัวบุคคลเพื่อเข้ามาเป็นพยานให้การต่อศาลได้เช่นเดียวกัน ถ้าหากเห็นว่าบุคคลนั้นเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีของฝ่ายตัวเอง ก็ควรเสนอชื่อเข้ามา ไม่ใช่ใช้พฤติกรรมดิสเครดิตฝ่ายตรงกันข้ามเช่นนี้
“อยากให้สังคมไทยจับตาดูขบวนการทำลายความน่าเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นขบวนการ นับตั้งแต่การดิสเครดิตศาลและพยาน หรือการใส่ร้ายโจมตีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและการเคลื่อนไหวในลักษณะตีปลาหน้าไซของแกนนำพรรคเพื่อไทย อย่างนายจาตุรนต์ ฉายแสง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ล้วนแล้วแต่เป็นการปลุกระดมมวลชนและกดดัน โดยการชี้นำถึงผลการวินิจฉัยล่วงหน้าของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยกล่าวอ้างว่าเป็น ตุลาการภิวัฒน์รอบสองบ้าง รวมถึงการยุบพรรคเพื่อไทย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องในอนาคตที่ไม่มีใครคาดการณ์ได้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายเคารพการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญและ ขอให้ศาลพิจารณาคดีไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฏหมาย โดยขอให้ตุลการศาลวางตัวเป็นคนหูหนวก ตาบอด ไม่ต้องหวั่นเกรงกระแสกดดันใดๆ”
นอกจากนี้ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงที่ ประธานสภามีแนวคิดที่จะถอนร่าง พรบ.ปรองดอง ออกจากวาระการประชุมสภาว่า
เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายควรให้การสนับสนุนและทำเรื่องนี้ให้มีผลในทางปฏิบัติซึ่งจะเป็นการปลดล็อกความขัดแย้งในสังคมไทยได้ดีกว่าข้อเสนอของนายสามารถ แก้วมีชัย กมธ.ปรองดอง ที่เสนอให้พรรคฝ่ายค้านเสนอร่าง พรบ.ปรองดองขึ้นมาประกบ เพื่อใช้ในการพิจารณาร่วมกับร่าง พรบ.ปรองดองที่ได้เสนอไปแล้ว 4 ฉบับนั้น พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ที่จะเสนอร่างพรบ.ประกบ เพราะรัฐบาลไม่มีความจริงใจ ให้ความสำคัญกับร่างของพรรคฝ่ายค้าน เพียงแต่ต้องการสร้างภาพให้เกิดความชอบธรรมในการพิจารณา พรบ.ปรองดองเท่านั้น
“ พรรคประชาธิปัตย์รู้เท่าทันกลเกมทางการเมืองหมากนี้ของรัฐบาลดี เราจะไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือที่จะสร้างความชอบธรรมในการผลักดันร่าง พรบ.ปรองดองเพื่อล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัต แน่นอน เพราะรัฐบาลนี้มีธงตั้งแต่ต้นที่จะเอาพรบ. ปรองดองฉบับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน มาเป็นร่างหลักอยู่แล้ว เหมือนกับกรณีการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลแพ้มติพรรคฝ่ายค้านในชั้นกรรมาธิการ แต่กลับใช้เสียงข้าง พลิกมติใหม่ โดยการเสนอโหวตลงมติใหม่อีกอย่างน่ารังเกียจ ที่ประเทศไหนก็ไม่ทำกัน จึงไม่มีหลักประกันใดๆว่า ถ้าพรรคฝ่ายค้านได้เสนอร่างพรบ.ปรองดองขึ้นมาประกบแล้ว จะได้รับการพิจารณาและให้ความสำคัญ เพราะพฤติกรรมในอดีตของพรรคเพื่อไทยที่ใช้เสียงมากลากไป สามารถให้คำตอบกับพฤติกรรมในปัจจุบันและอนาคตได้ จึงยืนยันว่า พรรคจะไม่หลงกลตกเป็นเหยื่อหรือเครื่องมือฟอกผิดให้ตามที่รัฐบาลนี้ตั้งธงไว้แน่นอน”