ที่ห้างสรรพสินค้า อิมพีเรียลลาดพร้าว นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงตอนหนึ่งว่า การจัดงานรำลึกการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในวันที่ 24 มิ.ย. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งมีคำขวัญว่า “80ปีไม่มีประชาธิปไตย” จะถือเป็นการต่อสู้ครั้งใหม่ของ นปช. อย่างจริงจังมากขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดรัฐประหารจึงขอให้ประชาชนมาร่วมงานกันให้มาก ซึ่งงานดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่ 12.00-24.00 น. โดยจะมีการปราศรัยจากแกนนำ นปช. และนักวิชาการ รวมทั้งจะมีการตั้งโต๊ะล่าชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้รวบรวมรายชื่อได้แล้ว 5 หมื่นชื่อ คาดว่าในวันที่ 24 มิ.ย. จะได้รายชื่อถึง 1 แสนชื่อ เพื่อแสดงตัวให้ศาลรัฐธรรมนูญรู้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีกต่อไป แม้รู้ว่าผู้มีอำนาจในเรื่องนี้คงไม่ถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
นางธิดา กล่าวอีกว่า สำหรับการเดินทางไปให้การต่อศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไอซีซี ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ ตนได้เตรียมทำคำแถลงภาษาอังกฤษจำนวน 7 หน้าพร้อมหลักฐานภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวไปแสดงต่อศาล เพื่อให้ต่างชาติได้ดูภาพแห่งความโหดร้ายการวางแผนฆ่าประชาชนอย่างเป็นระบบ “ไม่ใช่ว่าเราไม่ประสงค์ดีต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย แต่โลกนี้ไม่ได้ล้าหลัง ดังนั้นอาชญากรรมภายในประเทศควรต้องถูกเปิดเผยต่อสังคมโลก และเรียกร้องความยุติธรรมระหว่างประเทศได้ด้วยไม่ใช่ปิดประเทศ ปิดประตูตีแมว ฆ่าคนเสื้อแดงได้อย่างที่เคยทำ” นางธิดากล่าว
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.10 น. มีตัวแทนศาลรัฐธรรมนูญไปยื่นเพิกถอนคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวของตนในคดีก่อการร้ายที่ศาลอาญา แต่ที่สงสัยมีอำนาจในการดำเนินการหรือไม่ เพราะตามกระบวนการต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุดตามขั้นตอน เพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นพยานหรือโจทก์ในคดีนี้ เวลานี้ศาลรัฐธรรมนูญคิดว่าตัวเองเป็นใครจึงกระทำการขยายอาณาเขต ซึ่งการที่ตนได้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีการรับคำร้องให้ระงับการแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 นั้น ตามมาตรา 68 นั้น ไม่เกี่ยวกับคดีก่อการร้าย จึงแน่ใจว่ารัฐธรรมนูญได้มอบหมายให้ศาลรัฐธรรมนูญทำเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้หรือไม่ ทั้งนี้ในวันที่ 23 ก.ค. นี้ ศาลอาญาจะนัดสอบถามถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่งตนก็จะไปตามนัดหมาย และไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ถือว่าความอยุติธรรมได้เกิดขึ้นแล้ว และตนยืนยันว่าจะแจ้งความดำเนินคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเรื่องนี้ถือว่าเข้าข่ายแจ้งความเท็จ
นายจตุพร กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นเรื่องที่ กกต.ให้ใบแดงนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. ซึ่งเมื่อดูเนื้อหาการปราศรัยนายการุณ ไม่ได้ระบุชื่อใคร แต่คู่แข่งขัน นำไปแจ้งความคดีหมิ่นประมาท และอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว ถือให้คดีเป็นที่ยุติ แต่เมื่อวันที่20มิ.ย. กกต.กลับหยิบยกกรณีดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง และกกต.อยู่ไม่ครบองค์ประชุม 5คน เนื่องจากนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ติดภารกิจใน จ.ชลบุรี แต่ก็ยังมีการลงมติ ซึ่งเสียงที่ออกมา นายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธานกกต. นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.เห็นควรเป็นใบแดง แต่นายวิสุทธิ์ โพธิ์แท่น นางสมศรี สัตยธรรม กกต. เห็นควรเป็นใบขาว แต่นายอภิชาติ ยืนยันจะให้มีการโหวตอีกครั้งให้ได้และใช้อำนาจประธานกกต.โหวตอีกครั้ง เท่ากับเป็นการโหวตคนเดียว 2เสียง ทั้งที่ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องโหวต ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมไม่รอให้นายสมชัย กลับมาจากภารกิจในต่างจังหวัดก่อน รอไปก่อนมันจะตายหรืออย่างไร
นายจตุพรกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอให้ตนลงสมัครรับเลือกตั้งแทนนายการุณนั้น หากนายการุณ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำพิพากษาให้หลุดจากตำแหน่งจริง ตนก็จะเข้าไปเป็นแทน แต่ตอนนี้เมื่อชั่งน้ำหนักดูยังอยากให้นายการุณ เป็นส.ส.ต่อไปดีกว่า เรื่องดังกล่าวเคยมีกรณีตัวอย่าง นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีตส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ที่ต้องคดีใบแดง โดยมีภาพถ่ายประกอบหลักฐานชัดเจน ยังไปหลุดในชั้นศาลได้ อยากให้พี่น้องเสื้อแดงมองในมุมดีไว้ก่อน
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงช่วงที่ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. เริ่มแถลงข่าว ได้พูดอย่างมีอารมณ์ด้วยเสียงดังว่า เราไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อถึงช่วงนี้ทำให้นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษกนปช.ได้คว้าไมค์มาแถลงข่าวเบรกทันทีว่า ขอแก้ข่าวหน่อย เดี๋ยวศาลจะเข้าใจผิด ที่จ.ส.ต.ประสิทธิ์พูดหมายถึง หัวควายนะครับ เป็นภาษาอีสาน จากนั้นก็มีแกนนำ นปช.คนอื่นมาแถลงข่าวในประเด็นอื่นแทนทันที.