โฆษกกองทัพบก ยันทหารไม่ได้ยิง 6 ศพวัดปทุมฯ แจงอาวุธปืนโดนปล้นยังได้คืนไม่ครบ หวังทุกฝ่ายทำความจริงปรากฏ
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงกรณีที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีการพิจารณาไต่สวนพยานจากคดีการเสียชีวิต 6 ศพ ที่วัดปทุมวนาราม โดยญาติผู้เสียชีวิตเชื่อว่า เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐว่า เพื่อมิให้เกิดความเข้าใจผิดไปจากข้อเท็จจริง กองทัพบกขอชี้แจง 3 ประเด็น คือ
1.ประเด็นผู้เสียชีวิต 5 ศพ ถูกยิงด้วยกระสูน .223 หัวสีเขียว
ซึ่งเป็นกระสุนที่ใช้กับ M 16 และ ทราโว ที่มีการระบุว่ามีใช้เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น ในข้อเท็จจริงคือ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 เจ้าหน้าที่ได้ถูกปล้นปืน และกระสุนที่บริเวณสะพานพระปิ่นเกล้า เป็นอาวุธปืนทราโว จำนวน 12 กระบอก พร้อมด้วยกระสุนขนาด.223 หัวสีเขียว จำนวน 700 นัด ปืนลูกซอง จำนวน 35 กระบอก พร้อมกระสูนยาง 1,152 นัด และในวันเดียวกัน
เจ้าหน้าที่ทหารได้ถูกปล้นปืนบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นปืนนทราโว 13 กระบอก
และวันที่ 15 พ.ค. 53 เจ้าหน้าที่ได้ถูกปล้นปืนบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เป็นอาวุธปืน M 16 2 กระบอก และกระสุน M 16 อีก 100 นัด ซึ่งปืนและกระสุนปืนที่ถูกปล้นไปเหล่านี้ มีหลักฐานพบว่าได้ถูกนำมาใช้ก่อเหตุในหลายๆ เหตุการณ์ โดยขณะนี้ทางกองทัพได้อาวุธปืนคืนมาเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่อาวุธปืนส่วนใหญ่ที่ถูกปล้นไปยังไม่ได้รับคืน
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า 2.ประเด็นการสอบสวนของเจ้าหน้าที่
ที่ระบุว่าไม่พบร่องรอยจากการยิงจากบริเวณด้านล่างขึ้นไปบนสถานีรถไฟฟ้านั้น ในข้อเท็จจริงการเคลื่อนย้ายกำลังของเจ้าหน้าที่ทหารขณะนั้น ไม่สามารถผ่านแยกเฉลิมเผ่าเข้าไปได้ เนื่องจากชายชุดดำที่อยู่บนพื้นราบได้ยิงสกัดกั้นเจ้าหน้าที่ไม่ให้มีการเคลื่อนกำลังเข้าไป และการตรวจสอบของพนักงานสอบสวนที่ได้สอบสวนพยานเจ้าหน้าที่ทหารได้ให้การถึงชายชุดดำว่า
ชายชุดดำได้หลบอยู่บริเวณตอหม้อต้นที่ 1 นับจากบริเวณแยกเฉลิมเผ่า และได้ใช้อาวุธปืนความเร็วสูงยิงใส่เจ้าหน้าที่
โดยสังเกตได้จากกระสุนปืนที่ไปกระทบกับตอหม้อและคานปูนของรางรถไฟฟ้า ซึ่งแตกกระจายและมีฝุ่นตกลงมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวน และมีภาพถ่ายของรอยกระสุนอยู่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสยาม แต่ไม่มีการกล่าวถึง
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า 3.ประเด็นภาพถ่ายของประจักษ์พยานที่นำมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลังเกิดเหตุ
พบว่าบนรางรถไฟมีเพียงเจ้าหน้าที่เท่านั้นที่ประจำอยู่ ทั้งนี้ข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ทหารวางกำลังอยู่บนรางรถไฟฟ้าจริง แต่การวางกำลังไม่ได้วางตลอดแนว เพราะถูกขัดขวางตลอดเวลา แนวที่วางกำลังไปได้แค่จากสถานีรถไฟฟ้าสยามถึงวัดปทุมเท่านั้น ซึ่งข้อมูลข้อเท็จจริงดังกล่าว กองทัพบกได้ส่งให้ส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้วได้แก่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) คณะกรรมาธิการวุฒิสภา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและพิจารณาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ
ทั้งนี้ กองทัพบกมิได้มุ่งหวังว่าจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงซึ่งกระบวนการยุติธรรม
แต่คาดหวังว่าทุกฝ่ายจะทำหน้าที่ของตนด้วยความรับผิดชอบตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ทั้งนี้ยืนยันว่า การชี้แจงครั้งนี้ไม่ได้เป็นคำสั่งจากผบ.ทบ.แต่อย่างใด แต่กองทัพบกเกรงว่า ประชาชนอาจเกิดความเข้าใจผิดไปจากข้อเท็จจริงจึงอยากชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงตามหลักฐานที่เกิดขึ้น