เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้(19มิ.ย.)ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ออกมายืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งคนมาทาบทามให้พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ว่า เป็นวิธีการของนายสุเทพที่พยายามจะสร้างกระแสและเรียกร้องความสนใจจากประชาชน คงเป็นสุเทพรายวันที่ใช้ประเด็นนี้หาเศษหาเลยทางการเมือง อยากเรียนว่าไม่มีทางที่คนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ หรือพรรคเพื่อไทย จะชวนพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาล แม้แต่จะคิดก็ผิดแล้ว ไม่มีใครเขาทำ ไม่มีใครเขาเดินเรื่องนี้ ตัวนายสุเทพเองเวลาออกมาพูดเรื่องนี้ก็รู้สึกว่าพยายามแสดงท่าทีว่าตนเององอาจ ไม่ยอมจะมาร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แม้ว่าใครจะเอาเก้าอี้ใหญ่ขนาดไหนไปเสนอให้ก็ตาม ตนว่าถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ที่ไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร หรือถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ที่เป็นความพยายามทำลายระบอบประชาธิปไตยเพื่อให้พรรคการเมืองพรรคหนึ่งเป็นรัฐบาลขึ้นมาก่อน ประชาชนฟังนายสุเทพแล้วอาจจะเผลอใจเชื่อได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า แต่ที่ผ่านมาเห็นชัดว่าประชาธิปัตย์ยอมแม้กระทั่งก้มหัวให้กับการยึดอำนาจ ยอมเป็นรัฐบาลที่ถูกตั้งขึ้นในค่ายทหาร ยอมแม้กระทั่งดำเนินการบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนโดยการจับมือกับพรรคการเมืองบางพรรคที่แยกตัวออกจากพรรคพลังประชาชน และจัดสรรเก้าอี้กันโดยไม่คำนึงถึงความรู้ความสามารถ ทั้งกระทรวงมหาดไทย พาณิชย์ คมนาคม จัดสรรให้พรรคเล็กเพื่อตัวเองได้เป็นรัฐบาล พอเกิดเหตุการณ์พวกนี้มาก่อน สิ่งที่นายสุเทพพยายามอธิบายจึงกลายเป็นเรื่องเหลวไหล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดนายสุเทพ มีการอ้างบุคคลชั้นสูงเป็นผู้มาทาบทาม นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วมองว่าถ้าเป็นเจตนา เป็นคำบอกกล่าวร้องขอ ของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีทาง ตนไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าหากจะมีใครพยายามแสดงเจตนาดีเสนอว่าจะไปทำนู่นทำนี่ให้ไม่แน่ หมายความว่าบางคนเห็นพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ต่างประเทศนานๆก็อาจจะไปเสนอแนวทางดำเนินการ แล้วบอกว่าจะไปทำอย่างนู้นอย่างนี้แล้วก็ไปทำอันนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่มันคนละเรื่องกัน
“สถานการณ์ทางการเมืองเดินทางมาไกล จนกว่าที่ใครจะทำตัวเป็นนายหน้าในการไปค้าสันติภาพ แบบนี้มันเป็นไปไม่ได้หรอก การสร้างความปรองดองต้องคำนึงถึงความเป็นจริงของทางการเมืองด้วย ต้องคำนึงถึงหัวจิตหัวใจของประชาชนด้วย ไม่ใช่เอะอะจะเดินไปพูด ไปทำอะไรก็ทำตามที่ตัวคิด ตัวเองเชื่อ ทั้งที่ตัวท่านเองไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในสถานการณ์ทางการเมืองเลยตั้งแต่ต้น อย่างนี้เวลาเดินมันผิดทิศทางไปหมด” นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า จากเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ออกมาย้ำกับนายสุเทพอีกรอบว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ก็ต้องย้ำเพราะนายสุเทพออกตัวมาขนาดนี้ คนในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีหน้าที่ร่วมด้วยช่วยกันสนับสนุน แต่ตนอยากให้พี่น้องประชาชนพิจารณาข้อเท็จจริง ว่าการเมืองสู้กันมา 6 ปี จุดยืนชัดเจนว่าอุดมการณ์ทางการเมืองทั้ง 2 พรรคเข้ากันไม่ได้และไปกันไม่ได้เลย แล้วอยู่ๆจะมาชวนเป็นรัฐบาลร่วมกัน ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นพรรคเพื่อไทยจะเหลืออะไรอยู่บ้าง ประชาชนที่เคยสนับสนุนจะอยู่ด้วยไหม
เมื่อถามว่า มองหรือไม่ว่าเป็นแนวทางหนึ่งของการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การปรองดองไม่จำเป็นต้องเกิดภาพที่บิดเบือนอุดมการณ์ทางการเมือง ไม่จำเป็นต้องกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเพียงเพื่ออธิบายว่านั้นคือแนวทางปรองดอง ไม่ใช่ ความปรองดอง ยังเห็นต่างกันได้ยังต่อสู้กันทางการเมืองได้ ต่อสู้ในกติกา ขอให้เป็นการต่อสู้กันในระบบ ขอให้ตัดสินกันในการเลือกตั้ง ขอให้ตั้งรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อถามต่อว่า ถึงเวลาที่นายสุเทพจะต้องออกมาเปิดเผยรายชื่อคนกลางหรือยัง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นายสุเทพคงไม่เปิดเผย เพราะถ้าเปิดเผยก็จะกลายเป็นว่า ประเด็นนี้ลดความสำคัญลงไป และจะกลายเป็นความสนใจของทุกคนก็จะหันไปที่ชื่อขอผู้ที่เปิดเผยออกมา ก็จะทำให้ราคาของเวทีประชาธิปัตย์ถูกลดทอนไปด้วย ตนว่า โดยเทคนิคประชาธิปัตย์คงจะเดินอย่างนี้ไปอีกหลายวัน แต่เรายืนยันทุกวันว่า เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็จะเดินหน้าทำตามนโยบาย สร้างความปรองดองในชาติ เอาประชาธิปไตยกลับคืนให้ประชาชนต่อไป แนวทางของพรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ มันคนละทางอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า ภริยานักการเมืองใหญ่มีเงินกว่า 520 ล้านบาทนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ถ้าเป็นประเด็นข้อเท็จจริง นักการเมืองคนนั้นก็ควรอธิบายความต่อพี่น้องประชาชน เพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ ส่วนการพยายามเสนอทฤษฎีที่เป็นไปไม่ได้ทางการเมือง อาจจะวูบวาบ 2-3 วัน หลังจากนั้นก็จะเงียบหายไป เพราะเป็นเรื่องที่เลวไหล..