วันนี้ (13 มิ.ย.) ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง กกต.มีมติ 5 ต่อ 0 ให้ใบเหลือง
พ.ต.อ.สามารถ ม่วงศิริ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นเรื่องที่น่าดีใจ เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมาตำรวจวางตัวไม่เป็นกลาง และเป็นครั้งแรกที่ กกต.มีมติเอกฉันท์ขนาดนั้น ส่วนตัวอยากให้นายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย ได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย แต่ยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่มีแคนดิเดตหรือใครเสนอตัวเข้ามา และหากไม่ใช่นายวันตนก็พร้อมลงพื้นที่ช่วยหาเสียง
ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวถึงการที่รัฐสภาชะลอการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปว่า
ตนเห็นด้วยและก็ยืนยันมาตั้งแต่ต้น แม้จะเป็นนโยบายของพรรค แต่รัฐบาลมีเวลาบริหารตั้ง 4 ปี ควรเอาเวลาไปแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชนก่อนดีกว่า และการที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาออกมายืนยันว่าการดำเนินการของรัฐบาลในเรื่องดังกล่าวไม่ขัดรัฐธรรมนูญ หากใครได้ฟังตนพูดในสภาก็จะเข้าใจ เพราะได้พูดในตัวบทกฎหมายไปหมดแล้ว
ส่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยสายเสื้อแดง เสนอให้มีการเปลี่ยนตัวนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร
รองนายกฯกล่าวว่า เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ไม่ใช่ว่าพรรคจะแตก เพราะพรรคเพื่อไทยถือว่าเป็นพรรคที่มีความเป็นประชาธิปไตย หากมีมติอย่างไรทุกฝ่ายก็จะปฏิบัติตาม ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กรณีนำที่ดินของวัดไปทำสนามกอล์ฟอัลไพน์นั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อตำแหน่ง และเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ก่อนมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
ด้านนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.กล่าวว่า คนเสื้อแดงยังคงย้ำจุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเหมือนเดิมที่เห็นว่าต้องมีการแก้ไข
เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเหมือนกับแนวคิดของพรรคเพื่อไทย เนื่องจากเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่ต้องการอยู่ในอำนาจการบริหารนาน ๆ แต่คนเสื้อแดงเป็นกลุ่มนักต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ไดมาซึ่งประชาธิปไตย หลังจากนี้ทางแกนนำเสื้อแดงจะวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใกล้ชิดก่อนที่จะกำหนดกิจกรรมเคลื่อนไหว