เมื่อถามว่า ณ เวลานี้มั่นใจหรือไม่ว่าจะยังสามารถควบคุมกองทัพได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้
โดยเฉพาะการปฏิวัติ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เรื่องปฏิวัติตนอยากถามว่าใครอยากปฏิวัติ เพราะมันทำกันไม่ได้ง่ายๆ แต่คนที่ให้ตนมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมั่นใจว่าตนสามารถควบคุมกองทัพได้ ดังนั้นก็จะต้องปฏิบัติตามเพื่อให้เกิดความมั่นใจของคนที่มาให้ทำงานในหน้าที่นี้
"ผู้บัญชาการทหารบกได้โทรศัพท์มาพูดคุย และบอกว่าพี่ (พล.อ.อ.สุกำพล) ตอนนี้มีข่าวลือเยอะเหลือเกิน ว่าทหารจะปฏิวัติ หรือเตรียมการที่จะทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ในใจผม (พล.อ.ประยุทธ์) ไม่มีอย่างข่าวที่ลือกัน ผมเข้าใจกันไม่ได้มีอะไรกัน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ผมไม่เคยถาม ผบ.เหล่าทัพ เกี่ยวกับข่าวลือที่เกิดขึ้นเลย ตอนนี้ ผบ.เหล่าทัพ โทรมาหาและรายงานให้ทราบเอง พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าผมสงสัยอะไรกับเหตุการณ์ปฏิวัติก็ให้โทรมาถาม แต่ผมบอกว่าจะโทรไปทำไมในเมื่อไม่มีอะไร"พล.อ.อ.สุกำพล ระบุ
เมื่อถามว่า ได้มีการเสนออะไรกับพรรคเพื่อไทยกับสถานการณ์ที่ล่อแหลมแบบนี้หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยรู้หมดสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เมื่อเวลาประชุมพรรคมีอะไรหรือขาดอะไร
เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจผู้บัญชาการทหารบกคนนี้อย่างไร ว่าจะไม่ทำปฏิวัติ
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ทำหรอก ถ้าทำจะทำเพราะอะไร พล.อ.ประยุทธ์ ต้องคิดว่าทำแล้วได้อะไร ทำเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง แล้วถามว่าใครขึ้นมาบริหารประเทศ หรือให้พรรคประชาธิปัตย์มาบริหาร
"ผมว่าทหารไม่เอาอยู่แล้ว เพราะทั่วโลกเขาเอาตาย เมื่อเป็นแบบนี้แล้วจะให้ใครมาเป็นมาบริหารประเทศ ปัจจุบันมีอยู่แค่สองขั้วการเมืองเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็เห็นกันแล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างไร ต้องไปดูว่าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์เคยทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์มาสมัยที่เป็นรัฐบาล ผมมองว่า พล.อ.ประยุทธ์เรียนเก่งและสอบได้ที่ 1 ที่สำคัญเป็นหัวหน้าชั้น เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ และเป็นคนที่มีความคิดอะไรหลายๆ อย่าง ดังนั้นเมื่ออยู่ด้วยกันก็จะไปด้วยกัน"
พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวอีกว่า เมื่อครั้งที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรองผู้บัญชาการทหารบก และไม่ได้เป็นคนสั่งการอะไรโดยตรง เพียงแต่คนที่เป็นนายเท่านั้นที่เป็นคนสั่งการ แต่เมื่อวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งแล้วจึงรู้ว่าอะไรควรเป็นอย่างไรกับสถานการณ์บ้านเมือง
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองมันเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้แล้ว
และพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งมาอย่างตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เติบโตขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารบก จึงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร พล.อ.ประยุทธ์จะกลับไปทางพรรคประชาธิปัตย์หรือ ทั้งที่รู้ว่าคนเก่ามันไม่เข้าท่าแล้วและคนไม่เอาแล้ว ยังจะกลับไปอีกหรือ ดังนั้นจะต้องกลับมาช่วยรัฐบาลชุดนี้ ตอนนี้มีคนด่าผู้บัญชาการทหารบกเละเหมือนกับมองว่าเขาเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่เพียงว่าหน้าที่ของผู้บัญชาการทหารบกเป็นแบบนี้ จะให้ทำอย่างไร ทั้ง ๆ ที่ผู้บัญชาการทหารบก รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ควรทำอย่างไร ต้องเปรียบเทียบให้เห็นว่า เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนั้นกับตอนนี้เป็นอย่างไร เราไม่ได้ไปสั่งแบบไม่เข้าท่าเข้าทาง เราไม่ได้ไปอะไรมาก เพียงแต่เรารู้หน้าที่ซึ่งกันและกัน
"มีคนมองว่าผมกับผู้บัญชาการทหารบกจะฟาดฟันกัน จริง ๆ แล้วไม่มี เพียงแต่เราอยู่ด้วยกันจะต้องพูดจากันให้รู้เรื่อง ถ้าพี่คุยกับตู่(พล.อ.ประยุทธ์)รู้เรื่อง หรือตู่กับพี่รู้เรื่องทุกอย่างก็จบไม่มีปัญหาอะไร ทหารเขาคุยกันแค่นี้แหละ ที่ผ่านมาผู้บัญชาการทหารบกยืนยันกับผมว่าไม่มีการเคลื่อนไหวของทหาร มีคนพูดอย่างนั้นอย่างนี้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรเลย อย่าไปตื่นตูมเรื่องนี้ เขาลืออะไรกันหน่อยก็ไปเชื่อกันหมด เรื่องการทำปฏิวัติใคร ๆ ก็รู้มันไม่มีความลับอะไร เพราะการเคลื่อนไหวมันจะต้องรู้ การปฏิวัติแล้วจะให้ฝ่ายการเมืองเขาทำอะไร จะให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลหรือ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว
เมื่อถามว่า การแก้ไขปัญหาบ้านเมืองจะต้องใช้กระบวนการทางสภาเท่านั้นใช่หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า
มันจะต้องแก้ไขด้วยสภาอย่างเดียว ทหารแก้ไขไม่ได้หรอก การปฏิวัติแค่ทหารเปลี่ยนจากขั้วนั้นมาเป็นขั้วนี้ หรือ ขั้วนี้เป็นขั้วนั้น หรือไม่ทหารก็เอาเอง มันมีอยู่แค่นั้น มันมีทางเลือกอยู่แค่นี้
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังระแวงกับเหตุการณ์ปฏิวัติอยู่หรือไม่
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ไกล ข้อมูลที่จะรับรู้เรื่องปฏิวัติน้อยมาก พ.ต.ท.ทักษิณต้องฟังข้อมูลจากทางนี้ เมื่อเราให้ความมั่นใจทาง พ.ต.ท.ทักษิณสบายใจ ทั้งนี้ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณบ้าง เพราะไม่สบายใจกับสถานการณ์บ้านเมือง