พร้อมพงศ์ จี้ "อภิสิทธิ์" ยุติเรียกร้องให้ปิดสมัยประชุมสภา ขณะประชุมพรรคปมวาระ 3 ร่างแก้รธน.พรุ่งนี้ ย้ำ"พลเรือเอก พ.พาน"มีการสร้างเงื่อนไข ด้าน"จาตุรนต์" ย้ำ ศาลรธน.ไร้สิทธิ์ สั่งชะลอ ห่วงอาจวิกฤติหากไม่ลงมติวาระ3
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หยุดเล่นเกมการเมือง ทั้งเรื่องการเสนอให้ปิดสมัยประชุมสภา การกล่าวหาผลักดันพระราชบัญญัติปรองดองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ยังกล่าวปฏิเสธว่า ได้รับใบสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามที่กล่าวหา จึงขอประนาฌการกระทำที่พยายามจ้องลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี อีกทั้ง ยังมีการตั้งเวทีนอกรัฐสภา ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด ซึ่งทางที่ดี นายอภิสิทธิ์ ควรทำตัวเป็นฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์จะดีกว่า
"คือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรวมถึงร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ว่าครั้งหนึ่งมีใบสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"
อย่างไรก็ตาม นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวอีกว่า วันพรุ่งนี้ เวลา 14.30 น. ทางพรรคเพื่อไทย จะประชุมเพื่อหารือถึงความชัดเจน เรื่องการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3
ส่วนกรณีที่ นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้แทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัตินั้น มองว่าเป็นวาทะกรรมทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากมีบุคคล ซึ่งเป็นถึงตุลาการเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองใช้คำพูดที่เลี่ยงบาลีจึงอยากถามไปยัง นายจรัญ ว่าผลจะแตกต่างกันอย่างไร ในเมื่อประธานรัฐสภา ก็เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ เมื่อมีหนังสือไปยังรัฐสภา ให้ชะลอการลงมติวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็มีผลเท่ากับว่า สั่งทั้งประธานรัฐสภาและฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งนี้ จึงอยากเรียกร้องว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อย่าพยายามหาเหตุผลมากลบเกลื่อน ยิ่งออกมาพูด ประชาชนจะยิ่งสับสน เพราะเหตุผลที่อ้างไม่สามารถมาหักล้างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ได้ โดยหากจะรับคำร้อง ต้องเป็นการยื่นผ่านอัยการสูงสุด เท่านั้น
ขณะที่การกระทำของ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ที่ยื่น 20,000 รายชื่อ ต่อสหประชาชาติ (UN) ให้ตรวจสอบรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ในการนำร่างพระราชบัญญัติปรองดองผ่านสภา มองว่าสิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ มีผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ คอยหนุนหลัง เป็นการกลบเกลื่อนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของ ส.ส. ในที่ประชุมสภามากกว่า และน่าจะเป็นการหาเหตุผลเรียกคะแนนความน่าเชื่อถือกลับคืนมา ทั้งนี้ การที่นำร่างพระราชบัญญัติปรองดองเข้าสู่การพิจารณานั้น เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนภายใต้ฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐสภา ที่สามารถดำเนินการได้ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการลบล้างความผิด เหมือนที่ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กำลังบิดเบือนข้อเท็จจริง แต่เป็นร่างพระราชบัญญัติปรองดอง เพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดในชาติ จึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายค้าน หยุดการกระทำดังกล่าว เอาเวลาไปทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน หรือ ไปหาแนวทางการแก้ไขพฤติกรรม ส.ส. ที่ทำให้รัฐสภาเสื่อมถอยจะดีกว่า
พร้อมพงศ์" ย้ำ "พล.ร.อ. พ." สร้างเงื่อนไข จากร่าง รธน.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเรียกร้องให้เปิดเผยบุคคลที่มีการขับเคลื่อนหัวหน้าองค์กร จนถึงระดับประชาชนทั่วทุกภาคว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างสถาบัน ซึ่งถือเป็นการกล่าวหาของ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ชื่อย่อ พลเรือเอก พ. กินปูนร้อนท้อง และกระบวนการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า เป็นผู้ที่สูญเสียอำนาจ โดยใช้เงื่อนไขการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และร่างพระราชบัญญัติปรองดองมาปลุกกระแสมวลชน เพื่อต้องการล้มล้างรัฐบาล ซึ่งในปัจจุบัน ผลการสำรวจของ เอแบคโพล ล่าสุด ประชาชน 71.5% ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ อีกทั้งเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง คอยจับตาดูพฤติกรรมของบุคคลเหล่านี้ ที่มีความคิดล้มล้างรัฐบาลอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ นายพร้อมพงศ์ ยังฝากไปยัง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อม ส.ส. ภาคใต้ ให้ลงพื้นที่ดูแลน้ำท่วมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวใต้ ที่กำลังประสบปัญหาอุทกภัย โดยทางรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ยินดีร่วมมือเต็มที่
"จาตุรนต์" ห่วงแรง หากไม่โหวต รธน. วาระ 3
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานสถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ก่อนเริ่มงานเสวนา หัวข้อ การแก้ไขรัฐธรรมนูญกับการวางรากฐานประชาธิปไตยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ถูกทำให้ยุติโดยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่มีสิทธิ์อำนาจสั่งให้สภาผู้แทนราษฎร ชะลอในการพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งการตีความ มาตรา 68 บิดเบือนไปจากความเป็นจริง ซึ่งอาจทำให้กลายเป็นบรรทัดฐานและเสมือนว่า ศาลรัฐธรรมนูญ มีอำนาจสูงสุดกว่าสภาผู้แทนราษฎร ที่ประชาชนต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญ เข้ามาก้าวก่ายอำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมากต่อประเทศที่เป็นประชาธิปไตย
นอกจากนี้ นายจาตุรนต์ ยังกล่าวว่า สถานการณ์อาจเข้าขั้นวิกฤติ หากไม่มีการลงมติวาระ 3 ในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญอันจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวต่อต้านเกิดการยุบพรรคการถอดถอนตุลาการและการถอดถอนรัฐมนตรี รวมถึง อาจลุกลามไปถึงการใช้ มาตรา 7 การตั้งรัฐบาลชั่วคราว เพื่อเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป
"สุริยะใส" ห่วง พท. - แดง โจมตีศาล รธน. สร้างเงื่อนไขปฏิวัติ
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มการเมืองสีเขียว กล่าวว่า ความขัดแย้งระหว่างสภาฯ โดยพรรคเพื่อไทยกับศาลรัฐธรรมนูญในขณะนี้ ถือเป็นประเด็นอ่อนไหวมากเป็นพิเศษ เพราะพรรคเพื่อไทยพยายามใช้เสียงข้างมากในสภาฯ ทำทุกวิถีทางในการสถาปนาอำนาจเดี่ยว พร้อมยังใช้มวลชนเสื้อแดงทำลายความน่าเชื่อถือของศาล จึงเชื่อว่า อาจจะมีการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในที่ประชุมนัดพิเศษ วันอังคารนี้ หรือหากว่าที่ประชุมรัฐสภา ยอมรับคำสั่งศาล แต่ก็แค่ยอมในยกแรก พอถึงขั้นตอนการร่างจะมีการลดทอนอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน
พร้อมกันนี้ เชื่อว่า ปลายทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คือ การผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ที่หวังยกเลิกคำพิพากษาของศาลและนิรโทษกรรม ซึ่งความขัดแย้งนี้น่าเป็นห่วง เพราะเป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหาร