“ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” เผยสถานการณ์น้ำท่วมใต้กลับสู่สภาพปกติ
แต่มีบางจังหวัดได้รับความเสียหาย สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนเป็นพิเศษ กำชับผู้ว่าฯ ติดตามการแก้ปัญหาน้ำท่วม เร่งดำเนินโครงการต่างๆ หากจังหวัดใดล่าช้าจะนำมาประเมินผลงานของผู้ว่าฯ
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดทางภาคใต้ว่า พื้นที่ภาคใต้เป็นลักษณะพิเศษ คือ เมื่อเกิดฝนตกหนัก ปริมาณน้ำจะไหลบ่าท่วมโดยเร็ว แต่จะลดระดับลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ซึ่งขณะนี้หลายจังหวัดกลับสู่สภาพปกติแล้ว แต่มีบางจังหวัดที่ได้รับความสูญเสีย ถนนหรือสะพานขาด และที่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้แต่ละหน่วยงานในแต่ละจังหวัดเข้าไปให้ความช่วยเหลือและดูแลประชาชนเป็นพิเศษ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการลงพื้นที่ติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำของนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า
ได้มอบหมายผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดที่นายกรัฐมนตรีและคณะจะลงพื้นที่ เตรียมความพร้อมและเร่งรัดการดำเนินการเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการอนุมัติงบประมาณ ซึ่งจะต้องติดตามโครงการต่างๆ ตามที่รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณไปแล้ว โดยจังหวัดจะต้องเร่งดำเนินการโดยเร็ว ส่วนจังหวัดใดที่ยังมีความล่าช้าอยู่ จะนำเรื่องมาพิจารณาประกอบการประเมินผลการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะใกล้ถึงการแต่งตั้งโยกย้ายในช่วงเดือนกันยายนนี้
นายยงยุทธกล่าวว่า ส่วนจังหวัดที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ลงพื้นที่จะมีการประเมินด้วยเช่นกัน เพราะขณะนี้มีการร้องเรียนเรื่องความไม่โปร่งใส
มีการเรียกเก็บผลประโยชน์จากงบประมาณฟื้นฟูอุทกภัย ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการเรียกเก็บ หากผู้ว่าราชการจังหวัดเชื่อคำกล่าวอ้างดังกล่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องรับผิดชอบ เพราะจะต้องปฏิบัติตามความถูกต้อง ไม่ใช่ใครมาอ้างแล้วทำตามนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมีมาตรฐานในการดูแลพื้นที่
ส่วนการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย 5,000 บาทนั้น
นายยงยุทธกล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร ถือว่าจบแล้ว แต่ยังมีปัญหาเกี่ยวกับการจ่ายเงินซ่อมแซมบ้านที่เสียหาย 20,000 บาท ซึ่งในวันนี้ (7 มิ.ย.) จะมีการเรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด 6 จังหวัด และมีรองปลัด กทม. รวมถึง ผอ.เขต ในพื้นที่ กทม.มาทำความเข้าใจเรื่องการจ่ายเงินอีกครั้ง เพราะไม่ต้องการให้เกิดการทุจริตเกิดขึ้น
“ที่ผ่านมา มีการร้องเรียนว่ามีบ้านที่อยู่ติดกัน แต่ได้รับเงินไม่เท่ากัน บ้านหนึ่งได้มาก บ้านหนึ่งได้น้อย เพราะเกิดจากความบกพร่องของหลายฝ่าย โดยเฉพาะท้องถิ่น ที่บ้านใดเป็นพวกพ้องของตัวเองก็จะให้เต็มที่ ส่วนใครที่ไม่ใช่พวกพ้องก็จะให้น้อย ดังนั้น จึงให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใหม่ โดยมีตัวแทนจากอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ท้องถิ่น และภาคประชาชน เข้ามาดำเนินการ เพื่อให้เป็นไปตามความจริง และทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน” นายยงยุทธ กล่าว.-สำนักข่าวไทย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
