วันนี้ ( 6 มิ.ย.) เวลา 09.20 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมงานสัมมนาผลการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง บทบาทภาครัฐต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ว่า การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ถือเป็นวาระของคนทั้งประเทศที่จะต้องร่วมมือกันและรณรงค์ให้เกิดเป็นกระแสต่อต้านของสังคม เพื่อไม่ให้วงจรนี้กลับคืนสู่ระบบของไทยอีก และไม่อยากให้วงจรทุจริตคอรัปชั่นที่เกิดขึ้นมายาวนานนี้ จนกลายเป็นวัฒนธรรมของคนไทยที่เมื่อทำสิ่งไม่ถูกมากขึ้น แล้วกลายเป็นสิ่งถูก เพราะขณะนี้ภาพลักษณ์ด้านการคอรัปชั่นซึ่งจัดโดยองค์การเพื่อความโปร่งใสนานาชาติพบว่าคะแนนการทุจริตของประเทศไทยยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 3.4 จากคะแนนเต็ม10 ซึ่งน่าใจหาย อีกทั้งถือว่าน้อยกว่าสิงคโปร์และมาเลเซียที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน ขณะที่อันดับความมีประสิทธิภาพของระบบราชการไทยที่จัดทำโดยบริษัทที่ปรึกษาด้านความเสียงทางการเมืองและเศรษฐกิจอยู่ที่5.25 และใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นยังเป็นปัญหาส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศแสะภาคเอกชนของไทย
รัฐบาลจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็น 1 ในนโยบายเร่งด่วน โดยเน้นการปลูกจิตสำนึกให้ตระหนักถึงพิษภัยของการทุจริต สร้างค่านิยมที่ถูกต้อง พัฒนาองค์กรให้มีความโปร่งใส และที่สำคัญต้องไม่ให้เกิดวัฒนธรรมซื้อขายตำแหน่ง เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการทุจริต และจะทำให้วงจรทุจริตคอรัปชั่นกลับมาอีก พร้อมปรับปรุงแก้ไขข้อกฎหมายให้เกิดความโปร่งใส แต่ต้องไม่ไปสร้างภาระ อุปสรรคให้กับภาคธุรกิจหรือทำให้ล่าช้า และการตรวจสอบเฝ้าระวังเชิงรุก โดยเปิดสายด่วนแจ้งเรื่องได้ที่ 1206 และ 1205 ของ ป.ป.ช. นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า รัฐบาลเน้นการทำงาน 2 แนวทาง คือการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ขณะเดียวกันก็จะให้กำลังใจคนทำดีเพื่อให้เกิดวัฒนธรรมที่ถูกต้องขององค์กร หากทุกฝ่ายร่วมมือกันทำเรื่องนี้ให้เป็นวาระแห่งชาติ ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นก็จะลดลงได้.