วันที่ 4 มิ.ย. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภาเพื่อลดการเผชิญหน้าและสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดสถานการณ์รุนแรงจนกลายเป็นสงครามกลางเมืองว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังคาดการณ์ล่วงหน้าอยู่นั้นอาศัยตรรกะอะไร หรือการแสดงความอัปยศในสภา สร้างพฤติกรรม ดิบ เถื่อน ถ่อย รวมทั้งการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่ผู้ชุมนุมเข้าโอบกอด ส.ส.ประชาธิปัตย์หลายคนมีความเชื่อมโยงกัน โดยที่เบื้องหลังการเกิดสงครามความขัดแย้งครั้งนี้ฝ่ายค้านมีส่วนร่วมหรือไม่ ทำไมรู้ก่อนล่วงหน้า ดังนั้นข้อเรียกร้องของนายองอาจให้ปิดสภาเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการเมืองนั้นจึงเป็นเหมือนคำขู่รัฐบาลและประชาชนหรือไม่
“ส.ส.แต่ละคนได้เงินเดือนเป็นแสน แต่ยังสันหลังยาว ขอให้ปิดสมัยประชุมสภาทั้งที่ยังมีกฏหมายค้างอยู่หลายฉบับ โดยเป็นกรอบการเจรจาระหว่างประเทศ 6 ฉบับ ผมขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ขอโทษประชาชน และตั้งกรรมการสอบจริยธรรมของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ด้วย หากไม่มีการดำเนินการผมจะเชื่อว่านายอภิสิทธิ์อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด และให้นายอภิสิทธิแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้าน เพราะไม่มียุคไหนที่พรรคประชาธิปัตย์จะตกต่ำเท่ายุคนี้” โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุ
นายพร้อมพงศ์ เปิดเผยด้วยว่า การประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 8 มิ.ย. นี้ จะยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เป็นประธาน เพื่อให้สอบจริยธรรม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 5 คน คือ นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ ส.ส.จันทบุรี นายธานี เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ที่ใช้กำลังประทุษร้ายต่อประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ รวมถึง น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม และ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก เรื่องพฤติกรรมที่ทำตัวไม่เหมาะสม
ขณะนี้อยู่ระหว่างการล่ารายชื่อ ส.ส.พรรคเพื่อไทย หากการสอบของคณะกรรมการพบว่ามีมูลจะต้องส่งเรื่องไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ดำเนินการถอดถอนบุคคลเหล่านี้ออกจากตำแหน่งต่อไป ทั้งนี้การกระทำครั้งเพื่อเป็นการปกป้องเกียรติภูมิ ศักดิศรีของรัฐสภาเพื่อไม่ให้ถูกย่ำยี
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การประชุม ครม. วันที่ 5 มิ.ย. นี้ รัฐบาลน่าจะตราพระราชกฤษฏีกาปิดสมัยประชุมรัฐสภา โดยใช้เวลาในช่วงต่อจากนี้จนถึงวันที่ 1 ส.ค. เพื่อหาทางออกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดีกว่าสร้างเงื่อนไขของการเผชิญหน้า เพราะการเดินหน้าร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ซึ่งเป็นกฎหมายล้างผิด ต้องมีการต่อต้านอย่างรุนแรงอยู่แล้ว เช่นเดียวกับการแก้รัฐธรรมนูญอาจขัดในข้อกฎหมาย ดังนั้นควรจะรอไปจนกว่าจะถึงเดือนส.ค. ตนยืนยันว่ารัฐบาลควรปิดสมัยประชุมสภาถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้
ส่วนที่รัฐบาลอ้างงว่ามีกฎหมายฟอกเงินที่ต้องเร่งพิจารณานั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เท่าที่จำได้กฎหมายฟอกเงินยังอยู่ในชั้นของกฤษฎีกา แม้ว่าจะเป็ฯกฎหมายเร่งด่วน แต่รัฐบาลไม่แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะเลื่อนเรื่องที่เป็นปัญหาออกไปก่อน ถือว่าเป็นเรื่องลำบาก ยอมรับว่าการจะเลื่อนวาระใดก็ต้องเปิดการประชุมสภาก่อน ซึ่งประชาชนก็ไม่มีความมั่นใจว่าถ้าเปิดมาแล้วจะเป็นการเลื่อนหรือเป็นการลงมติเพื่อผ่าน นอกจากประธานสภาจะออกระเบียบวาระอย่างชัดเจนว่ามีการประชุมเป็นกรณีพิเศษเฉพาะวาระนั้น ๆ.
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
