เมี่อเวลา 16.00 น. วันที่ 1 มิถุนายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)
ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) และผบ.พันทั่วประเทศ ว่า การประชุมของทหารไม่ได้เป็นการประชุมลักษณะหารือ เพื่อหาหนทางปฏิบัติ แต่เป็นการประชุมสั่งการ ถ้าประชุมผบ.พันก็ประชุมทุก 3 เดือน เพื่อมาทำความเข้าใจในนโยบาย และคำสั่งที่ออกไป ส่วนระดับแม่ทัพประชุมทุกเดือน แต่เผอิญตรงกับวันนี้พอดี ไม่ได้ไปสอดคล้องหรือมีนัยยะอะไรทั้งสิ้น ตนเรียนรัฐบาลไปว่า เป็นการประชุมประจำเดือน และไม่ได้มีปัญหาข้อสงสัยอะไร จึงอยากให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่า เป็นการประชุมทางทหารตามปกติ
เมื่อถามถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่มีปัญหาในการประชุมสภาเพื่อลงมติ พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าส่วนตัวรู้สึกเครียด อยากให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ทหารเป็นกำลังใจให้ทุกภาคส่วน ไม่ว่า ฝ่ายใดก็ตามก็มีจุดมุ่งหมายอะไรต่างๆ ที่ทำให้ประเทศชาติปลอดภัยและก้าวไปข้างหน้า ก็ดำเนินการไป อะไรทำได้ก็ทำไป อะไรที่ทำไม่ได้ก็ไม่ได้ คิดว่า ฝืนไม่ได้ ก็ทำกันไป ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์คัดค้านพ.ร.บ.ปรองดองฯจนต้องเลื่อนการลงมติออกไปนั้น คงจะมีหนทางปฏิบัติอย่างอื่น และมีวิธีการอีกหลายประการ วันนี้เข้าไม่ได้ วันหน้าพยายามใหม่หรือเปล่า ไม่แน่ใจ ส่วนจะเข้าได้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น วาระสอง วาระสามจะมีขึ้นหรือไม่ ยังมีขั้นตอนอีกเยอะแยะ ดังนั้นวันนี้ตอบไม่ได้หรอกว่า ได้หรือไม่ ใช่หรือไม่ใช่
เมื่อถามถึงภาพเดิมๆ ในการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกำลังกลับมา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การประชุมเป็นไปในลักษณะประชาธิปไตยก็ว่ากันไป ตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้กฎหมายที่ไม่ใช้ความรุนแรง คงไม่มีใครทำอะไรได้ เป็นเรื่องกระบวนการประชาธิปไตยที่ทุกคนเรียกร้องอยู่เสมอ ดังนั้นคงต้องปล่อยไป และติดตามสถานการณ์ว่า เป็นอย่างไร วันนี้ทหารเราไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เราได้รับมอบหมายให้ติดตามสถานการณ์การข่าวเท่านั้น และพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสั่งการว่า ให้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลเป็นหลัก ส่วนทหารมีความพร้อมในการดูแลที่ตั้งหน่วย จัดเวรยาม เตรียมการรักษาพยาบาล ได้แต่คาดหวังว่า คงจะไม่มีความรุนแรง เพราะปีที่ผ่านมามีตัวอย่างเกิดขึ้นมาแล้ว และมีการสูญเสีย เป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก
เมื่อถามว่า การชุมนุมจะบานปลายจนต้องทำให้ทหารต้องออกมาช่วยตำรวจหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คิดว่า คงไม่ถึงตรงนั้น รัฐบาลมีเจตนาคงไม่อยากให้ใช้ความรุนแรง เพราะมีตัวอย่างเมื่อปีที่แล้ว ถ้าปีนี้เกิดขึ้นอีกแล้วจะทำอย่างไร จะกลับกันไปกลับมาอยู่แบบนี้หรือ ทุกคนต้องช่วยกันทั้งสื่อ ประชาชน ผู้ชุมนุมว่า จะต้องทำอย่างไรไม่ให้ไปสู่ความรุนแรง การจะเดินขบวน ปิดล้อมตามประชาธิปไตยทำได้อยู่แล้ว แต่อย่าทำให้ประชาชนเดือดร้อน และผิดกฎหมาย เพราะถ้าผิดกฎหมายตำรวจจะดำเนินการ และอย่าไปสุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถือว่าขอร้อง ถ้าไม่มีคนใช้ความรุนแรงก็จะไม่รุนแรง
"ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนที่ต้องนำมาศึกษา นำมาหาวิธีการในการปฏิบัติ ผมไม่เคยปราบปราม อย่าใช้คำว่า ปราบปรามปรามประชาชน แต่เป็นเรื่องของการดูแลพื้นที่ให้เกิดความปลอดภัย เพราะมีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นจึงทำให้เกิดความสูญเสียทุกฝ่าย ทหารไม่เคยไปปราบปราม ลูกน้องไม่เคยรายงานว่า ไปยิงใครตาย ยังยืนยันอยู่เสมอว่า เป็นการทำหน้าที่ของเรา ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เราพยายามยืนหยัดในจุดที่เรายืนอยู่ในปัจจุบัน คือ การทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ฉะนั้นอย่ามาบอกว่า ทำไมวันนี้กับวันนั้นไม่เหมือนกัน อยากถามว่า แล้วใครเป็นคนสั่งผม เพราะต้องมีคนสั่ง มีระเบียบ วินัย มีกฎกติกา ข้อบังคับให้เราไปทำงาน ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องออกไป ถ้ามีคำสั่งเราก็ต้องไป แต่ถ้าไม่มีก็ไปไม่ได้ วันนี้ขอยืนยันอีกครั้งว่า ทหารทุกคนยังฟังคำสั่งผมอยู่ยังเคร่งครัด ถ้าไม่ได้สั่งก็ไปไหนไม่ได้ เราทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และฟังคำสั่งตามสายบังคับบัญชาที่ชัดเจน" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
เมื่อถามว่า หากสถานการณ์เกิดความรุนแรงทหารจะทำอย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า เป็นหน้าที่ของใคร ใครเป็นคนรับผิดชอบ รัฐบาลก็สั่งมา ถ้าสั่งมาทหารก็ทำตามกฎหมายที่มีอยู่ตามพ.ร.บ.มั่นคง และพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำอย่างอื่นไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าสุ่มเสี่ยงต่อการปะทะก็ต้องมีกฎหมายออกมาให้ทหารเข้าไปทำงาน มิเช่นนั้นก็มีปัญหาทุกครั้งไป
" เล่นกันไม่เลิก วนไปวนมา ผมตอบคำถามนี้มา 4 ปีจนจะแก่ตาย จะเอาให้ตายกันไปข้างหนึ่งหรือยังไง เป็นคำถามเดิมตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว แต่ยืนยันว่า ผมไม่ได้อารมณ์เสีย ไม่ได้หงุดหงิด แต่อารมณ์ดี" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว