เปิดเบื้องลึกคดีปล้นปริศนา สุพจน์รอด-ไม่รอดเงื้อมมือป.ป.ช.??

จากคดีปล้นบันลือโลกกลางดึกวันที่ 12 พ.ค.ปีที่ผ่านมา ในคฤหาสน์หรู ซอยลาดพร้าว 64

มาถึงคดีร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมพิจารณาวินิจฉัย ในช่วงเช้าวันที่ 24 พ.ค.ปีนี้

ได้ทำให้ชีวิตของ "สุพจน์ ทรัพย์ล้อม" พลิกตาลปัตร กลับไปกลับมาหลายรอบ

ไม่เพียงเปลี่ยนสถานะ จาก "ผู้เสียหาย" มาเป็น "ผู้ถูกกล่าวหา" แต่เป็น "ปลัดกระทรวงคมนาคม" จนกลายเป็น "อดีตปลัดกระทรวง" ด้วย

นับแต่เกิดเหตุ กระทั่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.รับเรื่องของ "สุพจน์" ไว้ไต่สวนใน 3 ข้อหา คือ ร่ำรวยผิดปกติ ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน และทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ โดยมี "ใจเด็ด พรไชยา" กรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะอัยการเก่า เป็นประธานอนุกรรมการ และให้ "วรวิทย์ สุขบุญ" รองเลขาธิการ ป.ป.ช. มือตรวจสอบทรัพย์สินขั้นเซียน ผู้เคยทำคดีซุกหุ้นของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้อื้อฉาว มาร่วมทีมสอบด้วย


เปิดเบื้องลึกคดีปล้นปริศนา สุพจน์รอด-ไม่รอดเงื้อมมือป.ป.ช.??

"สุพจน์" ก็พยายามต่อสู้ในทุกเวทีที่ถูกตรวจสอบ..

ทั้งจากการให้การกับพนักงานสอบสวน ที่เขาระบุว่าเงินที่ถูกปล้นไปมีเพียง 5.8 ล้านบาท ไม่ใช่ 18.1 ล้านบาท ที่ตำรวจยึดเอาไว้ที่ สน.วังทองหลาง

เมื่อมาชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการของ ป.ป.ช. "สุพจน์" ก็ให้การเช่นเดียวกัน โดยเงินส่วนหนึ่งมาจากสินสอดของลูกสาว ซึ่งแต่งงานในคืนวันเดียวกับที่ถูกปล้น

ที่เหลือมาจากการรับจ๊อบเขียนแบบนอกเวลาราชการ เป็นเวลา 20 ปี

ขณะเดียวกัน ยังมีความพยายามในการผ่องถ่ายทรัพย์สินบางส่วนไป จนต้นปี 2555 จน ป.ป.ช.ต้องมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว เพื่อไม่ให้มีการโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดี

คดีนี้เป็นคดีแรกๆ ที่ ป.ป.ช.ต้องงัดสารพัดมาตรการ ที่ระบุไว้ในกฎหมาย ป.ป.ช.ฉบับใหม่ ที่เพิ่งบังคับใช้ในปี 2554 แทบเกลี้ยง ไม่ว่าขอหมายศาลเข้าค้นเคหสถาน (มาตรา 25(2)) ตรวจสอบเส้นทางการเงินจากธนาคาร (มาตรา 25(1)) ให้อายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว (มาตรา 78) ฯลฯ

ขณะเดียวกัน ยังให้ "สุพจน์" แสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และให้ชี้แจงข้อกล่าวหาถึง 4 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายคือวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา

เปิดเบื้องลึกคดีปล้นปริศนา สุพจน์รอด-ไม่รอดเงื้อมมือป.ป.ช.??


ท้ายสุด อนุกรรมการของ ป.ป.ช.ได้ลงมติ เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ให้เสนอสำนวนคดีนี้ให้ที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณา โดยไม่เปิดเผยว่า ผลของการลงมติเป็นเช่นไร

กระนั้น ข่าวที่หลุดจาก "คณะผู้ไต่สวน" ก่อนหน้านั้นหลายครั้ง ชี้ไปในทิศทางแทบจะเดียวกัน คือ "ผู้ถูกกล่าวหา" ในคดีนี้ "รอดยาก" !

ทั้งการแถลงข่าวของ "กล้านรงค์ จันทิก" กรรมการ ป.ป.ช.ที่ว่า "จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่นายสุพจน์ยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช.ก่อนถูกปล้น 36 บัญชี และหลังถูกปล้นอีก 3 บัญชี ได้พบประเด็นที่น่าสนใจว่า รายการทรัพย์สินและหนี้สินบางรายการ มีมูลค่าสูงกว่ารายได้ที่แสดงไว้เมื่อเปรียบเทียบ"

และคำพูดของ "ปรีชา เลิศกมลมาศ" ในฐานะอนุกรรมการ ที่กล่าวว่า "หลังจากส่งหนังสือให้นายสุพจน์นำพยานหลักฐาน ทั้งพิมพ์เขียว หรือหลักฐานการเสียภาษีมายืนยัน ที่อ้างว่ารับจ้างเขียนแบบนอกเวลา แต่ปรากฏว่านายสุพจน์ไม่สามารถนำพยานหลักฐานมายืนยันได้ มีเพียงคำให้การของพยานบุคคลบางราย"

นำไปสู่การใช้วิธีต่อสู้นอกระบบ ด้วยการ "ยื้อ" วันพิพากษา ออกไปให้นานที่สุด !!

ทั้งการส่งหนังสือเรียกร้องให้อนุกรรมการเรียกพยานหลักฐานมาไต่สวนเพิ่มเติม จำนวนหลายสิบรายการ โดยส่งมาหลายครั้ง ซึ่งครั้งท้ายสุด คือเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนเวลาตัดสินเพียง 72 ชั่วโมง

ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานว่า มีคนบางกลุ่มพยายามต่อสายไปยังนักการเมืองใหญ่รายหนึ่ง เพื่อขอให้ช่วยคุยกับ "ผู้มีสิทธิลงมติ" บางราย โดยหวังว่าจะจูงใจให้ "คำตัดสิน" พลิกจากธงที่อนุกรรมการวางตั้งเอาไว้ได้ ???

โดยมีการตีความว่า การยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง "ข้าราชการระดับ 11" ของ "สุพจน์" แปลว่า "ดีลจบแล้ว" ..

อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบไปยัง "เจ้าหน้าที่ในองค์กรอิสระใหญ่ย่านสนามบินน้ำ" ต่างยืนยันตรงว่า "ไม่มีทางวิ่งเต้นได้" เพราะใน "9 อรหันต์ ป.ป.ช." เวลานี้ ภายนอกเหมือนจะกลมเกลียว แต่จริงๆ แล้วต่างก็คานอำนาจกันอยู่ในที

สำหรับการพิจารณาของที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ในช่วงเช้าวันที่ 24 พ.ค.นี้ จะเริ่มต้นจากการพิจารณาว่าเงิน 18.1 ล้านบาท ที่ตำรวจยึดมาจากคนร้าย เป็นของ "สุพจน์" ทั้งหมด" หรือเพียงแค่ 5.8 ล้านบาท และที่มาที่ไปของเงินก้อนดังกล่าว มีความสมเหตุสมผลหรือไม่

โดยผลการพิจารณาออกได้เพียง 3 ทางคือ 1.ยกคำร้อง 2.ไต่สวนเพิ่มเติม 3.ขี้มูลความผิด

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระดับสูงของ ป.ป.ช.แย้มมาแล้วว่า คดีนี้มีพยานหลักฐานแน่นมาก เหลือเพียงการพิจารณาว่าจะให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน "ก้อนใหญ่ หรือ ก้อนเล็ก" เท่านั้น !

เหตุผลที่ "ผู้ถูกกล่าวหา" ต้องดิ้นทุกวิถีทาง เพราะคดีนี้จะมีผลต่อการพิจารณาคดีต่างๆ ไปที่ยังอยู่ในมือของ ป.ป.ช.อีก 2 คดี โดยเฉพาะคดี "ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน" ที่มีโทษทางอาญา ทั้งปรับและจำคุก

จึงน่าจับตาว่าผลการวินิจฉัยคดีประวัติศาสตร์นี้ จะออกมาในรูปแบบใด !!!

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์