วานนี้ (21 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556
ซึ่งตลอดทั้งวันการอภิปรายเป็นไปอย่างกว้างขวาง โดยพรรคฝ่ายค้าน โจมตีในเรื่องของแพง และไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะจัดเก็บรายได้ตรงตามเป้าที่วางไว้ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์สันติ อภิปรายว่า การจัดสรรงบประมาณปี56 มีความคล้ายคลึงกับการจัดงบปี 55 แต่ยังไม่มีการประเมินผลว่างบปี 55 ประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการจัดทำงบปี 56 ทำภายใต้ระบบปิด ไม่ให้ความสำคัญกับปัจจัยภายนอกที่ผันผวนมาจาก2 กรณี คือ การเข้าร่วมประชาคมอาเซียน และการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยในเรื่องการเข้าร่วมประชาคมอาเซียนไม่ปรากฎว่ามีการวัดผลสัมฤทธิ์ ในเรื่องการฝึกอบรม ข้าราชการในเรื่องภาษาอังกฤษ มีแค่ความพอใจ และจำนวนครั้งในการฝึกอบรม ซึ่งไม่สามารถวัดประสิทธิภาพการใช้ภาษาอังกฤษได้จริง อีกทั้งการสร้างทีมให้สอดคล้องกับวิชาชีพ การต้อนรับแรงงานต่างด้าว และการปกป้องประเทศจากภัยต่างๆ ก็ยังไม่เป็นรูปธรรม
ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในเรื่องการค้ามนุษย์ ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ
แต่กองทุนปราบปรามการค้ามนุษย์กับได้รับงบประมาณเพียงแค่ 22 ล้านบาท หากไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ประเทศไทยอาจถูกจัดให้เป็นชาติที่ล้มเหลวในการป้องกันการค้ามนุษย์ ทำให้มีผลกระทบเรื่องการต่อต้านสินค้าไทย ในประชาคมโลก โดยเฉพาะสินค้าประมง รวมไปถึงเกียรติภูมิของความเป็นชาติก็จะได้รับผลกระทบด้วยทำให้คนไทยเดินทางเข้าประเทศอื่นยากยิ่งขึ้น ดังนั้นต้องมีวิสัยทัศน์ กล้าชี้นำการจัดทำงบประมาณไม่ใช่อยู่ภายใต้การชี้นำของข้าราชการประจำ
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า รัฐบาลยืนยันว่าเอาจริงกับปัญหาการค้ามนุษย์
และนายกรัฐมนตรีก็มอบให้ตนเป็นผู้ดูแลในเรื่องนี้ อีกทั้งรัฐบาลก็มียุทธวิธีในการขับเคลื่อน โดยมีงบประมาณ 483.5ล้านเพิ่มจากเดิม 73% ซึ่งรัฐบาลมีรูปแบบการทำงานที่เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนพ้นจากความเสี่ยงจากปัญหาการค้ามนุษย์ ขณะเดียวกันผู้กระทำความผิดก็ต้องถูกลงโทษ.