เชือด จตุพร ใต้ธง แห่ง ปรองดอง ของ ยิ่งลักษณ์

(ที่มา:มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 21 พ.ค.2555)

กรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ พ้นจากสมาชิกภาพแห่ง ส.ส.เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ เป็นเรื่องที่ต้องเป็นไป

อย่าโทษคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่าโทษศาลรัฐธรรมนูญ

เพราะ 2 ส่วนนี้เสมอเป็นเพียงกลางน้ำ เสมอเป็นเพียงปลายน้ำ ต้องดำเนินไปตามที่ไหลมาจากต้นน้ำ

ต้นน้ำขึ้นอยู่กับกลไกอำนาจรัฐในยุค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

หากไม่ลืม "อดีต" กันรวดเร็วนัก ทุกอย่างของเรื่องนี้มีแรงบันดาลใจมาจากกรณีการจัดการกับ กกต.ยุค พล.ต.อ.วาสนา พูนลาภ

หลังการพบปะกันของ องคมนตรี ของไทคูนสื่อ ของคนในวงการศาลยุติธรรม ของคนในวงการศาลปกครอง โดยมี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี แจมเข้าไปด้วย

นำไปสู่การประกาศให้เลือกตั้งเดือนเมษายน 2549 โมฆะ

นำไปสู่การชุมนุมบริเวณหน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และการคุมขังกรรมการการเลือกตั้ง อันได้แก่ พล.ต.อ.วาสนา พูนลาภ เป็นต้น ที่ถูกฟ้องร้อง ผลก็คือ พล.ต.อ.วาสนา พูนลาภ และกรรมการจำนวนหนึ่งที่ถูกฟ้องร้องหมดสิทธิการเป็น กกต.โดยปริยาย

นี่ย่อมเป็น "พิมพ์เขียว"

เชือด จตุพร ใต้ธง แห่ง ปรองดอง ของ ยิ่งลักษณ์

ทาง 1 เป็นพิมพ์เขียวอันกลไกอำนาจรัฐยุค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำมาใช้กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ อันเท่ากับเป็นการชี้อนาคตเอาไว้แล้ว

เหมือนกับเป็นการมัดมือชก

มัดมือชก นายจตุพร พรหมพันธุ์ มัดมือชกคณะกรรมการการเลือกตั้ง มัดมือชกศาลรัฐธรรมนูญ

ไม่มีทางเลี่ยง

"กกต.ส่งเรื่องมาให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา เราก็ต้องพิจารณาโดยยึดหลักเกณฑ์ของกฎหมาย ไม่ใช่ใช้ความรู้สึกหรือการคิดไปเอง"

ถูกต้องแล้วที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญแถลง

กระนั้น หากประเมินจากอาการลิงโลดของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ดำเนินไปในลักษณะยิ้มเห็นแก้ม แย้มเห็นไรฟัน

32 ซี่ครบถ้วน

จะเรียกว่าเป็นการจัดวางตามวิถีแห่งกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ก็ย่อมได้ เพราะมีกรณี พล.ต.อ.วาสนา พูนลาภ เป็นพิมพ์เขียวอยู่แล้ว จะถือว่าเป็นการริเริ่มสร้างสรรค์โดยกลไกอำนาจรัฐยุค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้ เพราะคนได้ประโยชน์คือพรรคประชาธิปัตย์

กระนั้น ทั้งหมดนี้ก็เสมอเป็นเพียงพลังแฝง พลังเฉื่อย ของขบวนรถตุลาการภิวัฒน์

วิดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากปักกิ่ง สะท้อนออกอย่างเด่นชัดว่าเข้าใจในเงื่อนงำและสภาพที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประสบ

เห็นได้จากการแสดงความยินดี

ความยินดีในที่นี้ไม่เพียงเพราะ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้หล่อหลอมท่ามกลางเปลวเพลิงอันร้อนแรงของความขัดแย้ง แตกแยก ทางการเมือง

"ถือว่าเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ เป็นการแสดงความแข็งแกร่งทางจิตใจ"

ขณะเดียวกัน ความยินดีนั้นก็พอจะคาดหมายได้หากนำไปต่อภาพกับท่าทีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แรกที่รับรู้ชะตากรรมของ นายจตุพร พรหมพันธุ์

"เป็นคนที่มีความตั้งใจและความสามารถ"

หากในที่สุดแล้วเส้นทางของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ หลังพ้นสมาชิกภาพแห่ง ส.ส. คือการเข้าสู่โหมดบุคคลที่เข้าสู่การพิจารณาแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 3 นั่นหมายความว่า กระบวนการปรองดองมากด้วยความเข้มข้น สลับซับซ้อน

ด้านหนึ่ง ปรองดอง ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง ต่อสู้ หักล้าง ปะทะเม็ดต่อเม็ด

สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจก็คือ ปรองดองมิได้เท่ากับเกี้ยเซี้ย เพราะว่าภายในกระบวนการปรองดองยังมีการต่อสู้ ยังมีการต่อรอง แล้วแต่จะพิจารณาในด้านใด

ปมเงื่อนอยู่ที่ฝ่ายใดรุก ปมเงื่อนอยู่ที่ฝ่ายใดรับ

จากนี้จึงเห็นได้ถึงบทเรียนจากชะตากรรมของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้อย่างเด่นชัดมากยิ่งขึ้น

ชะตากรรมของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นชะตากรรมด้านตกเป็นฝ่ายกระทำ แต่จากฝ่ายถูกกระทำก็มิสิทธิพลิกเปลี่ยนเป็นฝ่ายรุก เป็นฝ่ายกระทำได้ ขึ้นอยู่กับจังหวะก้าวต่อไปเป็นอะไร

เป็นจังหวะก้าวของรัฐมนตรี หรือเป็นจังหวะก้าวอันเร้นลับอื่น

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์