เมื่อวันที่ 20 พ.ค. นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
กล่าวในการอภิปรายในเรื่อง " ฐานะทางการเมืองของพฤษภาทมิฬ 2535และพฤษภาเลือด2553 กับทางข้างหน้าของขบวนก่รประชาชนไทย"ว่า ทีี่ผ่านมาเรามีระบบเผด็จการครอบสังคมไทยหลายแบบ คือเผด็จการทหารมีปืน เราไม่สามารถด่าได้ เพราะด่าแล้วอาจจะถูกเก็บ แต่เผด็จการนายทุนเราสามารถด่าได้ อย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นนายทุนเราสามารถด่าได้เช้ายันเย็น เผด็จการรัฐสภาเราก็สามารถด่าได้ อย่างนี้เราเรียกว่าเผด็จการได้หรือไม่ หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 กลุ่มทหารถูกลดบทบาทลง เลยมีความพยายามใช้วาทกรรมระบบทุนนิยมขึ้นมาว่าเป็นกลุ่มที่คอรัปชั่น ทั้งที่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เผด็จการทหารกลับมีการคอรัปชั่นมากกว่าจนน่ากลัว แต่ก็พยายามปลูกฝังว่าระบบทุนเป็นระบบที่ไม่ดี มีการทุจริตสูง แต่พอมาปี 49 เราไม่เรียกว่าเผด็จการทหาร แต่เป็นเผด็จการจากระบบข้าราชการ
"ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าการรัฐประหารเกิดจากอำนาจอะไร และอยากชี้ให้เห็นความแตกต่างกับระบบที่เราเรียกว่าเผด็จการ คือเผด็จการขุนนางมีแต่ทำทาน เผด็จการทหารไม่มีอะไรให้กิน แต่เผด็จการนายทุนมีเงินกิน มีรัฐสวัสดิการ เราต้องเข่้าใจในระบบทุนนิยมกันใหม่ว่าไม่ได้เลวร้าย เพราะระบบอื่นๆไม่เคยมีผลประโยชน์ให้กับประชาชน แต่ระบบทุนนิยมทั่วโลกเขามีสวัสดิการให้ประชาชน ไม่เหมือนระบบคนดีจริยธรรมสูงอย่างประเทศไทยกลับไม่มีอะไรให้ประชาชน ประเทศที่ก้าวหน้ามีการทำระบบภาษีที่ก้าวหน้า"นายสุนัยกล่าว
นายสุนัยกล่าวต่อว่า ขอให้แยกว่าการมีทุนนิยมไม่ใช่สิ่งผิด ทุกคนต้องใช้เงิน
เลิกหลอกกันเสียทีว่าคนมีอำนาจต้องไม่มีเงินมีทุน การเมืองต้องไม่มีเงิน ตนอยากรู้ว่าการเมืองที่ไหนไม่ใช้เงินใช้ทุน อย่าสร้างวาทกรรมให้เกลียดทุนนิยมกันเลย นอกจากนี้ระบบศาลต่างชาติเริ่มไม่ไว้ใจประเทศไทย หลายคนต่างงงว่าระบบยุติธรรมใช้หลักอะไร หรืออ้างแค่ว่าเป็นดุลยพินิจแค่นั้นก็จบ ตนคาดการณ์ว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จะติดคุกในตำแหน่งรัฐมนตรี ตอนนี้ไทยเหมือนชามสังคโลกแตกแล้วแต่เราใช้เชือกกล้วยมัดเอาไว้ให้อยู่ได้ เหมือนอย่างอยุธยาที่แตกแล้วต้องแบ่งเป็นก๊กอยู่คนละเมือง เนื่องจากเราไปตั้งหลักที่ไม่เป็นธรรม