เสี้ยมนศ.รามชนคมช.´สพรั่ง´สอบกลุ่มอำนาจเก่า´จตุพร´โวยมหามนุษย์

"ดีเอสไอ" นัดหารือตำรวจวันนี้รื้อสอบคดีระเบิดกรุงเทพฯ ครป.จี้ปลด "โกวิท" แฉสมุนอำนาจเก่าทุ่ม 2 ล้านหนุนการเมืองรามฯ ชิงนายก อศ.มร. หวังใช้เป็นหัวหอกล้มรัฐบาล-คมช. "จตุพร"

อัด "สพรั่ง" ทำตัวเป็นมหามนุษย์หลังรู้ข่าวจะเข้ามาสอบ ประกาศนักศึกษาไม่ใช่ขี้ข้านักการเมือง ไฟไหม้โรงเรียนอีกแล้วที่ตาก ตำรวจชี้แค่อุบัติเหตุ ทรท.เตรียมร้องตุลาการรัฐธรรมนูญสั่งเลิกประกาศ คปค.สะกดพรรคการเมือง

นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า วันที่ 29 มกราคม 2550 เวลา 11.00 น. ตนจะหารือกับ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อวางแนวทางความร่วมมือระหว่าง สตช.กับดีเอสไอ คลี่คลายคดีลอบวางระเบิด 9 จุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเมื่อวันสิ้นปี ตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการ โดยในส่วนของดีเอสไอได้ทำการสืบสวนในทางลับอยู่แล้ว

เพราะเป็นคดีความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งนี้ ดีเอสไอขอฟังการสรุปสำนวนของพนักงานสอบสวน ในฐานะที่ตนเป็นผู้พิพากษามาก่อน มีประสบการณ์ จึงอยากร่วมดูสำนวนเพื่อเสริมต่อบางจุดที่ขาดไปในมุมมองของศาล

คดีระเบิดดังกล่าวตำรวจได้สืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงเกือบ 1 เดือน แต่ไม่มีความคืบหน้า เหมือนเป็นกระบวนการสืบสวนแบบนิยายที่กำกับโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ขณะนี้ประชาชนไม่มั่นใจในการทำงานของตำรวจ ดังนั้นขอเรียกร้องให้รัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ปลด พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ออกจากตำแหน่ง และขอให้หาคนอื่นที่มีความเหมาะสมเข้ามาแทน

นอกจากนี้ หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนในคดีระเบิดยังมีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตนไม่อยากมองในแง่ร้าย ไม่รู้ว่า คมช.มีส่วนร่วมในการเขียนบทเรื่องนี้หรือไม่ อีกทั้งการทำงานของ คมช.ก็ไม่มีความพยายามที่จะทำให้เรื่องนี้คลี่คลาย สุดท้ายคงเป็นการลืมๆ กันไป เหมือนกรณีการลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีในเหตุการณ์คาร์บอมบ์

ด้านความเคลื่อนไหวทางการเมือง มีรายงานว่า ขณะนี้นักการเมืองกลุ่มอำนาจเก่าเริ่มปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อตีโต้รัฐบาลและ คมช. โดยพบว่านักการเมืองฝีปากกล้าคนหนึ่งซึ่งมักออกมาตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามอย่างดุเดือดตลอดมา อดีตเป็นผู้นำนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง

ได้พยายามที่จะเข้าไปสนับสนุนพรรคนักศึกษาพรรคหนึ่งในการชิงตำแหน่งนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง (อศ.มร.) ที่จะมีการเลือกตั้งกันในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ โดยหากพรรคที่ตนเองสนับสนุนได้รับการเลือกตั้ง ก็จะใช้ อศ.มร.ซึ่งมีสถานะเป็นตัวแทนของนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยเคลื่อนไหวต่อต้านขับไล่รัฐบาลและ คมช.

แกนนำนักศึกษาปัจจุบันและแกนนำในอดีตหลายคนเข้าพบ เพื่อเจรจาขอให้ช่วยเหลือพรรคนักศึกษาดังกล่าว โดยเบื้องต้นได้เสนองบประมาณให้จำนวน 2 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้ง อศ.มร.

มีรายงานเพิ่มเติมว่า อาจารย์ผู้หนึ่งได้รู้ถึงแผนดังกล่าวและไม่เห็นด้วย จึงได้กระจายข่าวนี้ให้แกนนำพรรคนักศึกษาอื่นๆ ที่จะลงชิงตำแหน่งได้รับทราบ ทำให้พรรคนักศึกษาพรรคหนึ่งที่เคยครองตำแหน่งหลายสมัยเตรียมจะยื่นหนังสือถึงนายจาตุรนต์ ฉายแสง หัวหน้าพรรคไทยรักไทย เพื่อขอให้ตรวจสอบว่านักการเมืองผู้นี้สังกัดพรรคไทยรักไทยหรือไม่ ซึ่งถ้าใช่ก็ควรจะหยุดใช้ขบวนการนักศึกษาเป็นเครื่องมือทางการเมือง

นายอนุชิต สกุลบุญมา อดีตนายก อศ.มร.กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบความเคลื่อนไหวดังกล่าว ถ้าเป็นเรื่องจริงถือว่าแย่มากที่นักการเมืองระดับประเทศจะเข้ามาแทรกแซงกิจกรรมของนักศึกษา พยายามใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจของตัวเอง ถ้ามีนักการเมืองที่คิดจะทำอย่างนี้ ขอให้หยุดและควรจะแยกให้ออกระหว่างกิจกรรมนักศึกษากับเกมอำนาจของผู้ใหญ่

"ผมขอประณามพฤติกรรมแบบนี้ เพราะนอกจากจะเป็นการทำร้ายเด็กกลุ่มนั้นแล้ว ยังทำร้ายขบวนการนักศึกษาทั้งหมดอีกด้วย" นายอนุชิตกล่าว

ข่าวแจ้งว่า พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. รับทราบข่าวนี้แล้วเช่นกัน และจะเชิญแกนนำนักศึกษารามคำแหงจำนวนหนึ่งไปให้ข้อมูล

ไม่มีใครสามารถไปบงการนักศึกษารามคำแหงแต่ละรุ่นได้ แม้ว่าตนจะมีความสัมพันธ์กับกลุ่มนักศึกษาที่ทำกิจกรรมในรามคำแหง โดยเฉพาะพรรคศรัทธาธรรมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในฐานะเป็นรุ่นพี่ที่ก่อตั้งพรรค

และยังมีการติดต่อให้ความช่วยเหลือนักศึกษารุ่นน้องในรูปแบบเงินงบประมาณในการไปออกค่าย และเป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับประสบการณ์ทางการเมือง ในช่วงที่ตนเป็นผู้นำนักศึกษาเคลื่อนไหวยุคพฤษภาทมิฬ แต่ก็เคารพในเกียรติของนักศึกษาปัจจุบัน

"หากผมจะใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับรัฐบาลปัจจุบันและ คมช. ผมก็คงทำตั้งแต่หลังเกิดเหตุการณ์รัฐประหารในช่วงแรกๆ ไม่มีเหตุผลที่ต้องรอหลังจากยึดอำนาจแล้วถึง 4 เดือน"

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ระยะเวลา 4 เดือนเป็นช่วงเวลาที่คนเริ่มเบื่อรัฐบาลและ คมช. จึงเป็นโอกาสที่จะสนับสนุนให้นักศึกษาออกมาเคลื่อนไหว นายจตุพรกล่าวว่า ตนออกมาวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของทหารตั้งแต่ยึดอำนาจในช่วงแรกๆ

เพราะไม่สนับสนุนรัฐบาลทหารทุกชุดไม่ว่าจะเป็นทหารในยุคไหน ดังนั้นถ้าคิดจะใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือก็ไม่เห็นจะต้องรอเวลา ซึ่งหากทำตอนนี้ก็ช้าไปด้วยซ้ำ เพราะที่ผ่านมา คมช.เองก็อ่อนแอ ข่าวที่ออกมาเช่นนี้คิดว่าเป็นเพราะพรรคอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยรามคำแหงซึ่งเป็นคู่แข่งกับพรรคศรัทธาธรรม ต้องการใส่ร้ายพรรคศรัทธาธรรม

" ทั้งเรื่องสุวรรณภูมิ เรื่องทีโอที และจะมายุ่งเรื่องนักศึกษาอีก ก็ชักจะเป็นมหามนุษย์ไปแล้ว ท่านไม่ควรมายุ่งเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องของปัญญาชน ต้องเคารพในพลังบริสุทธิ์ของนักศึกษา และนักศึกษาก็ไม่ใช่ขี้ข้าของนักการเมือง" นายจตุพรกล่าวถึงข่าว พล.อ.สพรั่งจะเชิญนักศึกษารามคำแหงจากบางพรรคไปให้ข้อมูลเรื่องนี้

ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานติดตามการทำงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลทบทวนประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15 และ 27 ที่ห้ามพรรคการเมืองประชุมและดำเนินกิจกรรมทางการเมือง

เพราะสถานการณ์การเมืองได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ 41 จังหวัด ดังนั้น การคงประกาศดังกล่าวไว้ไม่มีผลดีต่อแนวทางสมานฉันท์และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

พรรคอยู่ระหว่างการตรวจสอบประกาศ คปค.หลายฉบับว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ คณะทำงานมองว่าประกาศ คปค.บางฉบับขัดต่อหลักการประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งศาลขึ้นมาพิจารณาคดีใดคดีหนึ่งโดยเฉพาะ และเป็นที่น่าสนใจว่ามีเนติบริกรบางท่านเห็นช่องตรงนี้

จึงเอาไปบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2549 ที่มีบทบัญญัติให้ประกาศของ คปค.ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ โดยให้มีผลใช้บังคับใช้ก่อนและหลังวันที่ 19 กันยายน 2549

"การเขียนกฎหมายเช่นนี้ มีผลในการปิดปากองค์กรที่จะตรวจสอบว่าประกาศขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และต้องการให้ประกาศมีผลเทียบเท่ากับรัฐธรรมนูญ ซึ่งการที่เนติบริกรเขียนกฎหมายทำนองนี้ เป็นการเขียนกฎหมายที่ขัดต่อประเพณีตามระบอบประชาธิปไตย" นายชูศักดิ์กล่าว

และว่า คณะทำงานอยู่ระหว่างการหาช่องทางที่จะยื่นคำร้องให้ตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประกาศของ คปค.บางฉบับที่เห็นว่าน่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง สมาชิกพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า การที่มีคนบอกว่าถ้ายกเลิกประกาศ คปค.แล้วพรรคไทยรักไทยจะประชุมพรรคเพื่อให้มีมติยุบพรรคเองนั้น เป็นการพูดที่เลื่อนลอยไม่มีพื้นฐานความจริง แต่เป็นการทำให้เกิดความตื่นตระหนกเข้าใจผิด เพราะการยุบพรรคต้องมีกระบวนการที่ผ่านการวินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วย

ความเลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในขณะนี้ เป็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างชัดเจน ตรงข้ามกับคำพูดที่อ้างว่าจะไม่เคลื่อนไหวอะไรและจะวางมือทางการเมือง

แต่ปรากฏถึงขั้นมีการจ้างล็อบบี้ยิสต์ดำเนินการเคลื่อนไหวในประเทศต่างๆ ทั่วโลก จึงขอเรียกร้องว่า พ.ต.ท.ทักษิณอย่าได้เอาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นตัวประกันเพื่อประโยชน์ของตัวเองและบริวารอีกต่อไป ควรหยุดเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะขยายปัญหาให้บานปลาย

ทั้งนี้เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 27 ม.ค.นี้ เกิดเพลิงไหม้โรงเรียนพลุหลวงวิทยา ในวัดโคกพลู ต.หนองหลวง อ.เมืองตาก จ.ตาก จุดเกิดเหตุเป็นห้องพักครูในอาคารเรียนชั้นเดียวสร้างใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ แต่ชาวบ้านช่วยกันดับไฟไว้ได้ทันทำให้เสียหายเล็กน้อย

ตำรวจระบุว่าไม่ใช่การลอบวางเพลิง แต่น่าจะมาจากมีคนสูบบุหรี่แล้วทิ้งก้นบุหรี่ไว้แล้วไหม้ลามขึ้นมา แต่ยังไม่มีคำอธิบายว่าใครที่เข้าไปสูบบุหรี่ในห้องพักครูยามค่ำคืนดังกล่าว