เชื่อว่ามีวาระซ่อนเร้น เตรียมยื่นเรื่องให้"ปปช-ดีเอสไอ" สอบ
ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 7 พ.ค. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่าสืบเนื่องจากกรณีที่กทม.โดยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่ากทม. เตรียมลงนามสัญญาว่าจ้าง บริษัทกรุงเทพธนาคมฯ และ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส
โดยการขยายสัญญาสัมปทานให้กับบีทีเอสในการบริหารส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าจากเดิม 17 ปี เป็น 30 ปี วงเงินเกือบ 2 แสนล้านบาท ว่าอาจเข้าข่ายผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมงานหรือดำเนินในกิจการรัฐ พ.ศ.2535 หรือ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ รวมทั้ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐฯ หรือ พ.ร.บ.ฮั้วประมูลฯ
เนื่องจากเป็นการผูกขาดให้เอกชนรายเดียวดำเนินการ ไม่เปิดโอกาสให้เอกชนรายอื่นได้เข้ามาร่วมประมูล ทั้งนี้ ตนมองว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เหลือเวลาดำรงตำแหน่งผู้ว่า กทม.ถึงแค่ต้นปีหน้า แต่กลับจะขยายสัญญาให้เอกชนบริหารส่วนต่อขยายนานถึง 30 ปี ซึ่งมีวาระซ่อนเร้น เคลือบแคลง กระบวนการทำสัญญาก็มีขั้นตอนซึ่งต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วย แต่กทม.เร่งรัด รีบร้อน ซ่อนเงื่อน ปิดโอกาสเอกชนไม่ให้เข้าร่วมประมูล
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า ตนและทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยได้หารือกันว่า หากกทม.ลงนามขยายสัญญาสัมปทานจริง ผู้บริหารที่ร่วมลงนามในสัญญา จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยตนจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทันทีที่กทม.ลงนามในสัญญา เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่น่าจะเป็นการทุจริต ดังนั้นผู้ว่าฯกทม. ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
