วันนี้ (2 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงบ่ายได้พิจารณา มาตรา 291/8 การสิ้นสุดสมาชิกภาพของส.ส.ร.ทั้ง 2 แบบ
ปรากฎว่าในช่วงบ่ายว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นขอหารือถึงกรณีที่ถูกนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่าให้ผู้อื่นกดบัตรลงคะแนนแทนกันในการลงมติพิจารณาร่างพ.ร.บ.การขนส่งทางบกว่าด้วยการปรับปรุงน้ำหนักของรถขนส่งส่วนบุคคล และร่างพ.ร.บ.ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดน้ำหนักรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นายประชาพยายามสร้างให้เกิดความสับสนว่า ตนใช้คนอื่นไปกดบัตรลงคะแนนแทน ขอท้าให้นายประชานำคลิปในภาพวงจรปิด9นาที มาเปิดดูจะพบว่าไม่มีช่วงใดที่ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพมาตรงบริเวณที่ตนนั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนมาก
อาทิ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. จ.ส.ต. ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี ได้ลุกขึ้นประท้วงไม่ให้นายอภิสิทธิ์พูดเรื่องการกดบัตรลงคะแนนแทนกัน โดยอ้างว่าเป็นการนำเรื่องส่วนตัวมาพูดและเกรงว่าอาจมีผลกระทบต่อการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญตกไปได้ ซึ่งนายอภิสิทธิ์สวนกลับว่า ผู้ประท้วงอย่ากลัวความจริง พอจะถูกประจานกลับ ทำไมไม่กล้ายอมรับ
ขณะที่พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานในที่ประชุม ชี้แจงว่า การอนุญาตให้นายอภิสิทธิ์พูดเพราะเป็นเรื่องที่นาย สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาได้ตกลงกับนายอภิสิทธิ์ก่อนหน้านี้ว่า ให้มีการชี้แจงได้จึงต้องปฏิบัติตาม
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ชี้แจงต่อว่า มีเหตุผลอะไรที่ต้องให้คนอื่นมากดบัตรลงคะแนนแทน การที่นายประชาอ้างว่า
ถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือมายังบริเวณที่ตนนั่งแล้วไม่พบว่า ตนนั่งอยู่นั้น ไม่รู้ว่า เป็นภาพถ่ายวันใด เมื่อใด เหตุใดถ่ายมานานแล้วจึงเพิ่งเอามาโชว์ และเชื่อโดยสุจริตใจว่า นายประชาเห็นตนเดินออกจากห้องประชุมในวันดังกล่าว
“หากจะตั้งกรรมการสอบสวนผม ก็ต้องสอบกันทั้งสภา หลังจากได้ชี้แจงแล้ว ขอให้นายประชาออกมาขอโทษ หากไม่ขอโทษ จะฟ้องดำเนินคดีนายประชา พร้อมขอให้ตั้งกรรมการสอบจริยธรรมด้วย แต่หากนายประชายอมขอโทษก็ถือว่า จบเรื่อง เรื่องนี้ผมมีนายเกียรติ สิทธิอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพยานยืนยันได้ว่า อยู่ในห้องประชุมวันที่ลงมติกฎหมายดังกล่าว”นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำ
จากนั้นนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นกล่าวว่า ตนไม่มีเจตนาจับผิดนายอภิสิทธิ์
แต่เชื่อโดยสุจริตใจว่า นายอภิสิทธิ์ไม่ได้อยู่ในห้องประชุมตอนที่ลงมติ มีนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เป็นพยานได้สิ่งที่พูดไปไม่มีประโยคใดกล่าวหานายอภิสิทธิ์ว่า ให้คนอื่นกดบัตรแทนให้ แค่สงสัยว่า มีการกดบัตรแทนกันหรือไม่ ยืนยันว่า หลักฐานของตนไม่ได้มั่ว ไม่เลื่อนลอย ตนพร้อมขอโทษหากพิสูจน์ได้ว่า นายอภิสิทธิ์ชี้แจงได้ แต่สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ชี้แจงมายังไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้ ส่วนที่นายอภิสิทธิ์จะไปฟ้องศาลนั้น ยอมรับว่ากลัว แต่พร้อมจะต่อสู้ หากนายอภิสิทธิ์สุจริตใจควรให้โอกาสประธานตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง แล้วนำหลักฐานมาต่อสู้กัน ขอเสนอว่า ต่อไปนี้ หากส.ส.คนใดไม่อยู่ในห้องประชุม ก็อย่าเสียบบัตรทิ้งไว้
ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวทันทีว่า ตนเห็นด้วยกับข้อเสนอของนายประชาที่บอกว่า หากใครไม่อยู่ในห้องประชุมห้ามเสียบบัตรทิ้งไว้ เพื่อป้องกันการกดบัตรแทนกัน ขณะที่นายเกียรติ สิทธิอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ช่วยยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์อยู่ในห้องประชุมตอนลงคะแนน และพร้อมเป็นพยานในชั้นศาลให้
ด้านน.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. อภิปรายว่า
ขอให้ประธานตั้งกรรมการสอบการกดบัตรแทนกันที่อยู่ในคลิปทุกกรณี แต่ขอคัดค้านการตั้งคณะกรรมการ3ฝ่ายที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานที่ตั้งขึ้นมาสอบเรื่องการกดบัตรแทนกัน เพราะมีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เป็นกรรมการด้วย ซึ่งนายจิรายุได้กล่าวหาออกสื่อว่า จะดำเนินคดีกับตนเรื่องนี้ ทำให้นายจิรายุได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า ไม่ได้มีส่วนได้เสียใดๆ เป็นเพียงตัวแทนของพรรคเท่านั้นและขออนุญาตลาออกจากการเป็นคณะกรรมการสอบคลิปฯ
จากนั้นที่ประชุมได้หารือแสดงความเห็นเรื่องการกดบัตรลงคะแนนแทนกันอย่างกว้างขวาง จนเสียเวลาไปกว่าชั่วโมง ในที่สุดประธานในที่ประชุมได้ตัดบท เพื่อเข้าสู่การพิจารณามาตรา 291/8 ต่อไป