เตือนสติสส.อย่าทำสภาเสื่อมปชช.เอือม

30 เม.ย.55 นางนฤมล ศิริวัฒน์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงจริยธรรมนักการเมือง กรณีที่ ส.ส. กดบัตรโหวตแทนกันในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และกรณีมีภาพหญิงแต่งตัววาบหวิว หน้าจอทีวีในห้องประชุม ระหว่างถ่ายทอดการประชุมร่วมรัฐสภา ว่า ต้องพิจารณาด้วยว่า การที่นำคลิปเข้ามาใช้ในโอกาสอะไร ในเรื่องใด เวลาใด ขณะนี้วาระของสภา คือวาระของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ความรู้สึกที่จะพิจารณากฎหมาย อย่างเป็นเหตุเป็นผลขาดไปมากพอสมควร และมีความรู้สึกอยากเอาชนะกันมาทดแทน จะด้วยวัตถุ เหตุผล คำพูด ก็เลยทำให้ภาพของสภาเสื่อมและตกต่ำลง ทั้งนี้ควรที่จะออกมาตรวจสอบให้ถูกต้อง ไม่ใช่วิธีการคุณแฉฉันแฉ

"หตุการณ์ที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ภาพลักษณ์ของสภาตกต่ำอย่างแน่นอน และทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายการเมืองมากยิ่งขึ้น ในขณะที่สภาวะของประชาชนมีความยากลำบากอยู่แล้ว ในเรื่องของการทำงาน เรื่องค่าครองชีพ ความหวาดวิตกหรือภัยต่างๆ ก็เลยหนัก ปัญหาก็คือ เมื่อคนไม่สนใจการเมือง นักการเมืองก็ทำได้ทุกอย่างนี่คือปัญหา แล้วที่สำคัญคือ คนดีๆไม่อยากเข้ามาเวทีการเมือง ตัวเลือกที่จะทำให้มีสมาชิกที่มีคุณภาพและดีก็จะน้อยลง คนดีก็ไม่อยากเปลืองตัวกับการเมือง เพราะกลัวเสียไปด้วย กลัวเน่าไปด้วย ขณะที่คนที่ใช้อำนาจของการเมืองก็จะสามารถใช้อำนาจได้อย่างอิสระ" นางนฤมล กล่าว

นางนฤมล กล่าวต่อว่า อยากฝากอะไรถึงนักการเมืองหน้าใหม่ที่เข้ามาทำงานในสภาว่า สิ่งที่ต้องศึกษาคือ กฎระเบียบของสภาเป็นอย่างไร และต้องมีความรู้สึกที่แยกแยะและจัดระเบียบให้ถูกต้อง เพราะการเป็นนักการเมืองนั้นไม่ง่าย โดยเฉพาะนักการเมืองที่สังกัดพรรคการเมือง ดังนั้นการที่จะแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา ตามอุดมการณ์ ตามแนวความคิด ตามความฝันนั้นทำยากมาก

“แต่เราก็ต้องพยายามที่สุดที่จะทำหน้าที่เสนอกฎหมายที่ดี เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง แต่เวลาที่จะต้องมีพรรคการเมืองมาเกี่ยวข้อง ก็เห็นว่าเป็นเรื่องคุณธรรมของผู้บริหาร และเป็นนโยบายของพรรคการเมืองนั้นๆ ที่จะกดดันหรือผลักดันนักการเมืองของตัวเอง ในแนวไหน ซึ่งคิดว่าระยะหนึ่งสังคมก็จะเรียนรู้ ว่าพรรคการเมืองอย่างนี้ ควรที่จะยืนหยัดต่อไป หรือควรจะเป็นที่พึ่งขอประชาชนได้หรือไม่” สว.กล่าว

นางนฤมล กล่าวต่ออีกว่า สำหรับนักการเมืองที่ไม่ได้สังกัดพรรค ก็มีโอกาสมากขึ้นในการที่จะแสดงความเป็นตัวตน และแสดงความชัดเจนในการทำงานทางการเมือง ส่วนตัวคิดว่าระบบของสมาชิกวุฒิสภา ที่ไม่ให้สังกัดพรรคการเมือง เป็นระบบที่มีเหตุผล แต่อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับจิตวิญญาณและความรู้สึกรับผิดชอบ ของคนมาเป็นนักการเมืองในระบบนั้น เพราะฉะนั้นคิดว่าระบบเป็นตัวครอบพอสมควร ที่จะทำให้คนปฏิบัติอย่างไรไม่ปฏิบัติอย่างไร จิตวิญาณและความรู้สึกรับผิดชอบนั่นก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง

ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีข่าวเรื่องการล็อกตัว ผู้ที่จะมาเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) นั้น นางนฤมล กล่าวว่า ครั้งหนึ่งในช่วงที่ผ่านมา เคยบอกกับสังคมว่า แบบนี้ไม่ดี เช่น การสรรหาโดยให้คนไม่กี่คนเลือกเข้ามาไม่ดี แต่เวลาที่มีโอกาสทำเอง กลับยอมรับของที่บอกว่าไม่ดี ก็เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมโดยชัดเจน เช่น พรรคเพื่อไทยบอกว่า สสร.สรรหาไม่เป็นประชาธิปไตย ใช้คนไม่กี่คนเลือกไม่ใช่มาจากประชาชน แต่วันนี้ในกระบวนการ ทำไมจะต้องมี สสร. สรรหาด้วย นี่คือสิ่งที่รู้สึกว่าเป็นเรื่องกึ่งจะรับไม่ได้ เพราะสิ่งที่พุดไว้ในวันที่ผ่านมาเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่เวลามีโอกาสทำจริงเป็นอีกแบบหนึ่ง มันขาดความน่าเชื่อถือไปเลย

“การทำกฎหมายที่จะเปิดประตูเข้าไปแก้รัฐธรรมนูญ ควรจะต้องมีความยืดหยุ่น แล้วก็รับฟังความเห็นของผู้อภิปราย หรือสงวนเอาไว้อย่างมีเหตุผล มีคนจำนวนมากที่ไม่ได้ถือธงอะไรมา และอยากแสดงความคิดเห็นที่เป็นความรู้สึกอิสระจริงๆ แต่ถ้ามีธงมาแล้วและยึดธงอย่างเดียว ก็ไม่มีทางที่จะได้รัฐธรรมนูญที่มีความยั่งยืนได้ เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งมีอำนาจอีกฝ่ายหนึ่งก็จะแก้ไข ไปในทางที่ตัวเองเห็นว่าถูกใจ ถูกต้องหรือได้ประโยชน์ เพราะฉะนั้นคิดว่าการคิดแบบนี้เป็นวิธีคิดที่สั้น และก็อาจจะกลับไปสู่ความเบื่อหน่ายของประชาชน” นางนฤมล กล่าว

นางนฤมล กล่าวต่อไปว่า ตามหลักประชาธิปไตยที่ยึดเสียงส่วนใหญ่เป็นหลัก แต่เสียงส่วนใหญ่ก็ต้องอาทรกับเสียงส่วนน้อย อย่างมีเหตุผล ทำให้ความรู้สึกดีๆเกิดขึ้น แล้วพอสัมพันธภาพดีอะไรก็เดินหน้าได้ นี่คือหลักการ ถ้าความสัมพันธ์ไม่ดีไม่มีทางที่จะสร้างสรรค์ อะไรได้ มีแต่จะจบด้วยการชนะที่ไม่ยั่งยืน เหมือนที่ผ่านมา