ขณะเดียวกันนั้นปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากพลังงาน จะเห็นว่าเรื่องของค่าขนส่งขนาดที่มีการอนุมัติขึ้นไปแล้ว
ก็ปรากฏว่าทางผู้ประกอบการก็ยังไม่พอใจ ซึ่งผมก็เคยเตือนเอาไว้บอกว่า นโยบายที่ตรึงดีเซล 30 บาทนั้นมีประโยชน์คือมันไม่ทำให้เกิดปัญหาวุ่น ๆ แบบนี้ เพราะว่ามันตกลงกันไว้ตั้งแต่ต้นว่าถ้าเกิดไม่เกิน 30 บาท ก็ไม่ต้องมาพูดกันเรื่องนี้ ถ้าเกินเมื่อไหร่ก็ต้องมาเจรจากันก็ไม่จบไม่สิ้นหรอกครับ แล้วก็จะมีผลกระทบต่อเนื่องไปถึงต้นทุนตัวอื่น ๆ ราคาสินค้าไฟฟ้า ก็เมื่อเช้าผมก็เห็นว่าที่จะลด 90 หน่วย เป็น 50 หน่วย ก็จะเริ่มเดือนมิถุนานี้อีกนะครับ ก็ 4 ล้านกว่าครัวเรือนซึ่งเดิมไม่ต้องจ่ายค่าไฟ ก็ต้องกลับมาจ่ายค่าไฟ ผมก็เคยนั่งไล่กันแล้วนะครับ ตู้เย็น ก็คงจะใช้ไม่ได้หรอกครับทีนี้
สิ่งที่ผมแปลกใจก็คือว่า นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานด้วย
ปรากฎว่าเมื่อวานนี้ก็ถูกถามเรื่องนี้ก็บอกว่าเป็นห่วงเรื่องภาระที่จะเกิดขึ้น และกำลังจะไปดูว่า จะมีมาตรการช่วยเหลือได้อย่างไร อ้าว แล้วทำไมเวลาที่คณะรัฐมนตรีหรือกรรมการนโยบายพลังงานซึ่งท่านเป็นประธานตัดสินใจในเรื่องของการลดสิทธิประโยชน์เรื่องค่าไฟฟรีก็ดี ตัดสินใจเรื่องเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันก็ดี ไม่คิดถึงเรื่องนี้ก่อน เสร็จแล้วก็มาถึงเวลาก็มาบอกว่า เดี๋ยวจะต้องดูว่ามีมาตรการ หรือก็จะมีโครงการอะไรที่มาใช้งบประมาณเชิงภาษีอากรของประชาชนหรือเปล่าไม่ทราบนะครับ ในการช่วยเหลือเรื่องเหล่านี้
ขณะเดียวกันนั้นจะเห็นว่า ยังไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ แนวคิดของพลังงานก็ยังจะเป็นเรื่องของการที่จะไปขึ้นราคาก๊าซหุงต้มอีก ซึ่งก็จะซ้ำเติมพี่น้องประชาชนค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันถ้าเห็นตัวเลขกำไรของ ปตท. ก็ชัดเจนนะครับว่า เพิ่มขึ้นมากมายมหาศาลนะครับ 60 กว่าเปอร์เซนต์หรือไงนี่ครับ เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็ยังเป็นตัวที่ผมก็ยังยืนยันนะครับว่า ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะไปบอกว่ามันเป็นเรื่องของโลก เป็นเรื่องของอะไรนั้น มันคงไม่ได้ครับ มันเป็นเรื่องของความจงใจของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายที่สนใจฐานะของ ปตท. มากกว่า ฐานะของประชาชน ที่หาเสียงผิดพลาดไปเรื่องเบนซิน แล้วก็ทำให้การบริหารจัดการกองทุนน้ำมันขณะนี้ล้มเหลว สับสน แล้วก็ตีกระทบเป็นลูกโซ่
แล้วไกลไปจนถึงเรื่องส่งออก เพราะว่าที่การส่งออกลดลง เอาละผลกระทบจากน้ำท่วมเราเข้าใจได้
แต่ว่าส่วนหนึ่งก็คือสินค้าเกษตร ที่เราเตือนกันไว้ตลอดนะครับว่า โครงการจำนำนี่แหละครับที่เป็นตัวทำลายอนาคตการเกษตรของไทย ก็เห็นชัดเจนแล้วครับว่าตอนนี้ก็จะมีปัญหาต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นตรงนี้น่าจับตาดูมากครับว่าในไตรมาสต่อ ๆ ไป เมื่อภาวะของโรงงาน ภาคอุตสาหกรรมกลับมาสู่ภาวะปกติแล้วหลังจากน้ำท่วม ตัวเลขตรงนี้ยังจะมีปัญหาต่อไปหรือไม่ เพราะอันนี้ก็ทางรัฐมนตรีก็ยอมรับเองว่าเป็นการขาดดุลที่เป็นประวัติการณ์”
จากตัวเลขการส่งออกลดลงอย่างน่าใจหายแล้ว ปัญหาก็คือการขาดดุลการค้ามีสูงถึง แสนห้า ถึงแสนแปดล้าน
ตรงนี้ถือว่าส่งสัญญาณอันตรายอย่างไรนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประเทศไทยยังโชคดีที่ได้สะสมทุนสำรองเอาไว้มาก แต่เป็นห่วงว่าหากปล่อยให้ประเทศขาดดุลไปเรื่อย ๆ และคนของรัฐบาลจ้องจะนำทุนสำรองออกมาใช้ก็จะทำให้ภาวะของประเทศตกอยู่ในภาวะที่ขาดดุล
“คือก็โชคดีว่าทุนสำรอง เราสะสมกันมาเยอะสมัยรัฐบาลที่แล้วนั้น ทุนสำรองประเทศก็เพิ่มขึ้นมาก แต่มารัฐบาลนี้ก็คงจะมีปัญหาแน่ละครับ ถ้าปล่อยขาดดุลไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ปรากฎว่าคนของรัฐบาลเองกลับพยายามจะจ้องเอาทุนสำรองออกมาใช้ด้วยซ้ำ แต่ก็ปล่อยให้ภาวะของประเทศก็อยู่ในภาวะที่ขาดดุล ตรงนี้ก็ต้องระมัดระวัง แล้วก็ถ้าบอกวันนี้เป็นบัญชีประเทศติดตัวแดงไปแล้ว เพราะว่าส่งออกน้อยกว่านำเข้า บัญชีครัวเรือนก็ติดตัวแดงหนักขึ้นไปใหญ่ อย่างที่สะท้อนออกมาว่า ขณะนี้พี่น้องประชาชนมีรายได้ซึ่งเคยมีความหวังจากนโยบายของรัฐบาลที่บอกว่า ค่าแรงจะขึ้น เงินเดือนจะขึ้น แล้วก็ค่าครองชีพจะถูกกระชากลง แต่กลับกลายเป็นว่าขณะนี้ภาวะของหนี้สินของครัวเรือนกลับเพิ่มขึ้น ผมก็เคยพูดไว้แล้วว่า สงสัยไอ้แดงทั้งแผ่นดินนั้นคือบัญชีของพวกเราทุกคนมั๊งครับ”
ถ้าฟังจากที่นายกฯ พูดเมื่อวานนี้ ฟังได้ว่านายกฯ เอง ยอมรับว่าได้รับการร้องเรียนเรื่องของแพงมาแล้วก็พยายามหาทางช่วยเหลืออยู่ แต่คงเลือกช่วยบางกลุ่ม บางอาชีพนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากรัฐบาลยังไม่ยอมรับว่าเกิดปัญหาแล้ว ปัญหาดังกล่าวก็จะไม่มีการแก้ไข ในขณะที่จะเห็นว่ารัฐบาลกลับพยายามเล่นการเมืองอยู่ตลอดเวลา