มาร์ค ข้องใจถึงวันนี้แผนบริหาร-พื้นที่รับน้ำยังไม่ชัด

(25 เม.ย.55) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ในรายการตรงไปตรงมาทางสถานีวิทยุ 101 กับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อความเห็นต่อการที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเยือนจีน และญี่ปุ่น นั้นนายอภิสิทธิ์มองว่า

การที่นายกฯ เยือนประเทศจีน เพื่อต่อยอดเรื่องรถไฟความเร็วสูง และการขยายการค้า การลงทุน ถือเป็นเรื่องดี แต่การที่จะนำการแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วมมาประยุกต์ใช้ในไทยนั้น ควรระมัดระวัง ส่วนเรื่องการไปเยือนประเทศญี่ปุ่นนั้นเราต้องแสดงบทบาทสำคัญ เพราะขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านเริ่มเปิดประเทศ และมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้นแล้ว

“ในส่วนของจีน ก็มีความจำเป็นมาก แล้วก็การที่ไปขยายกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ไปยืนยันเรื่องรถไฟความเร็วสูง ไปต่อยอดเรื่องการขยายการค้า การลงทุนก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าการที่ขณะนี้จะมีการอ้างว่าไปดูการแก้ปัญหาน้ำท่วมที่จีนบ้าง ที่เกาหลีบ้าง แล้วจะมาใช้ แล้วมาพูดถึงโครงการอย่างเช่นการถมทะเล ผมว่าก็คงต้องระมัดระวัง ส่วนญี่ปุ่นนั้นก็เป็นการประชุมในกรอบของผู้นำในลุ่มแม่น้ำโขง กับทางญี่ปุ่น ซึ่งก็เป็นปีที่ 3 แล้ว รู้สึกว่าที่มีการประชุมในลักษณะนี้ และเราก็คงต้องมีบทบาทสำคัญนะครับ โดยเฉพาะเมื่อประเทศเพื่อนบ้านของเราเริ่มเปิดประเทศ มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้น”

นายอภิสิทธิ์ ยังแสดงความเห็นต่อการแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลว่าขณะนี้ประชาชนหลายพื้นที่ต้องการทราบการบริหารจัดการ และการกำหนดพื้นที่รับน้ำ หรือกลยุทธ์ในการระบายน้ำที่จะแตกต่างจากปีที่แล้วจากรัฐบาลมากกว่า เพราะขณะนี้ยังขาดความชัดเจนในหลายพื้นที่

“เวลานี้ในแง่ของปัญหาน้ำท่วม สิ่งที่ประชาชนในหลายพื้นที่ต้องการจะทราบก็คือว่า ตกลงจะมีการบริหารจัดการ การกำหนดพื้นที่ในการที่จะรับน้ำ หรือกลยุทธ์ในการระบายน้ำที่แตกต่างจากปีที่แล้วอย่างไร ซึ่งตรงนี้ยังขาดความชัดเจนอยู่ในหลายพื้นที่เท่าที่เราศึกษา เวลานี้รัฐบาลเองก็ต้องปรับแผนเรื่องการระบายน้ำจากเขื่อนพอสมควร เพื่อจะรับกับปัญหาภัยแล้งด้วย ซึ่งเราก็เคยเตือนไว้แล้ว”

ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ยังย้ำถึงนโยบายพลังงานของรัฐบาลที่จะเป็นการซ้ำเติมปัญหาค่าครองชีพให้กับประชาชน

“วันนี้ค่าไฟเพิ่มขึ้นอีก คือผมยืนยันนะครับว่าถ้าเกิดนโยบายพลังงานยังเป็นอย่างนี้ การซ้ำเติมปัญหาค่าครองชีพก็จะรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับประชาชนแน่นอน แล้วก็จะไม่เป็นผลดีกับเศรษฐกิจโดยรวมด้วยครับ”